บทนำ: เข้าใจปัญหาแผลในปากในผู้ป่วยมะเร็ง
“คุณสมศรี ผู้ป่วยมะเร็งลิ้นวัย 65 ปี เล่าว่า ก่อนใช้ PVP Gel ดิฉันแทบกินอะไรไม่ได้เลย แผลในปากทำให้เจ็บจนร้องไห้ แต่หลังใช้แล้วความเจ็บปวดบรรเทาลง ความรู้สึกแสบร้อนในคอตลอดเวลาบรรเทามากขึ้น จนตอนนี้กลับมากินอาหารได้แล้ว และเข้ารับการฉายแสงได้ครบทั้ง 30 แสง มีความสุขมากขึ้นจริงๆ”
การรักษามะเร็งด้วย เคมีบำบัด หรือ รังสีรักษา เป็นกระบวนการที่ท้าทาย และมักมาพร้อมผลข้างเคียงที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดคือ แผลในปาก (Oral Mucositis) ซึ่งเป็นภาวะที่เยื่อบุในช่องปากเกิดการอักเสบและเป็นแผล ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง การรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือแม้แต่การพูดกลายเป็นเรื่องยากลำบาก จากข้อมูลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวมีโอกาสเผชิญกับอาการแผลในปากสูงถึง 80% และในกรณีที่รุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหาร ขาดน้ำ หรือการหยุดชะงักของการรักษา
ในประเทศไทย ซึ่งมีผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นทุกปี การจัดการกับแผลในปากไม่เพียงแต่ช่วยลดความเจ็บปวด แต่ยังช่วยให้ผู้ป่วยรักษาความแข็งแกร่งและโภชนาการที่จำเป็นในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง PVP Gel (พีวีพี เจล) จึงเข้ามาเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อบรรเทาอาการแผลในปากในผู้ป่วยมะเร็งโดยเฉพาะ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ PVP Gel ว่าทำงานอย่างไร มีประโยชน์อะไรบ้าง และเหตุใดจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยในประเทศไทย พร้อมโปรโมชั่นพิเศษที่แถม Immunex FOS พรีไบโอติกเพื่อสุขภาพลำไส้ฟรีกับทุกการสั่งซื้อ
แผลในปาก (Oral Mucositis) คืออะไร?
แผลในปาก หรือ Oral Mucositis คือภาวะที่เยื่อบุในช่องปากเกิดการอักเสบและเป็นแผล มักพบในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับ เคมีบำบัด หรือ รังสีรักษา โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและคอ อาการที่พบบ่อย ได้แก่:
- แผลและรอยแตก: ในช่องปากและลำคอ ส่งผลให้เจ็บปวดอย่างรุนแรง
- รอยแดงและบวม: บริเวณเยื่อบุช่องปาก
- ความยากลำบากในการกิน ดื่ม และพูด: เนื่องจากความเจ็บปวดและระคายเคือง
- ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ: เนื่องจากแผลในปากจะทำให้ผู้ป่วยไม่ยอมแปรงฟันทำให้เกิดปัญหาติดเชื้อราแทรกซ้อนขึ้นมา ทำให้ต้องชะลอการรักษามะเร็ง เพื่อจัดการกับปัญหาการติดเชื้อราที่ลิ้นก่อน
1.สาเหตุของแผลในปาก
แผลในปากเกิดจากการที่ยาเคมีบำบัดหรือรังสีรักษาทำลายเซลล์ที่แบ่งตัวเร็ว โดยเฉพาะเยื่อบุช่องปาก ปัญหาแผลในปากพบได้ในผู้ป่วยมะเร็งหลายๆตำแหน่ง แต่ที่พบมากและมีความรุนแรงของภาวะแผลในปากคือในผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีเนื้อเยื่ออ่อนไหวสูง ความรุนแรงของอาการอาจแตกต่างกันไป ตั้งแต่ระดับเบาที่มีเพียงอาการระคายเคือง ไปจนถึงระดับรุนแรงที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารได้เลย
1.1 สาเหตุหลักของภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ
- เคมีบำบัด (Chemotherapy): ยาเคมีบำบัดมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์ที่มีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงเซลล์เยื่อบุช่องปาก ทำให้เกิดการอักเสบและเกิดเป็นแผลในช่องปากได้ง่าย
- รังสีรักษา (Radiation Therapy): การฉายรังสี โดยเฉพาะบริเวณศีรษะและคอ สามารถทำลายเซลล์เยื่อบุช่องปากได้โดยตรง ทำให้เกิดการอักเสบ บวมแดง และเกิดแผลในช่องปาก
- การปลูกถ่ายไขกระดูก (Bone Marrow Transplantation): ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ เนื่องจากต้องได้รับยาเคมีบำบัดในขนาดสูง
1.2 ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสเกิดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ
- ชนิดและปริมาณของยาเคมีบำบัด: ยาเคมีบำบัดบางชนิดมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ และการได้รับยาในปริมาณสูงก็เพิ่มความเสี่ยงด้วย
- บริเวณที่ฉายรังสี: การฉายรังสีบริเวณศีรษะและคอมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบมากกว่าบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย
- สุขอนามัยในช่องปากที่ไม่ดี: การมีสุขอนามัยในช่องปากที่ไม่ดี เช่น มีฟันผุ หรือมีโรคเหงือก จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ
- ภาวะขาดน้ำ: การที่ร่างกายขาดน้ำจะทำให้เยื่อบุช่องปากแห้งและอ่อนแอ ทำให้เกิดการอักเสบและเป็นแผลได้ง่าย
1.3 อาการและระดับความรุนแรงของภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ
อาการของภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และมีความรุนแรงได้หลายระดับ โดยทั่วไปอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่:
- ปวดและแสบร้อนในช่องปาก: เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด โดยอาจมีอาการปวดเล็กน้อยจนถึงปวดรุนแรงมาก
- มีแผลในช่องปาก: อาจมีแผลเล็ก ๆ หรือแผลขนาดใหญ่ กระจายอยู่ทั่วช่องปาก หรือเป็นเฉพาะบางบริเวณ
- เยื่อบุช่องปากบวมแดง: เยื่อบุช่องปากอาจมีสีแดงจัด บวม และอักเสบ
- มีปัญหาในการรับประทานอาหาร การพูด และการกลืน: อาการปวดและแผลในปากทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดเมื่อรับประทานอาหาร พูด หรือกลืน
- ปากแห้ง: อาจมีอาการปากแห้งร่วมด้วย เนื่องจากต่อมน้ำลายอาจได้รับผลกระทบจากการรักษา
ระดับความรุนแรงของภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบมักถูกแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO):
- ระดับ 1: มีอาการบวมแดงเล็กน้อย แต่ไม่มีแผล และผู้ป่วยยังสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ
- ระดับ 2: มีอาการบวมแดงและมีแผลเล็กน้อย ผู้ป่วยเริ่มมีอาการเจ็บปวดและอาจมีปัญหาในการรับประทานอาหารแข็ง
- ระดับ 3: มีแผลขนาดใหญ่และมีอาการเจ็บปวดมาก ผู้ป่วยมีปัญหาในการรับประทานอาหารและอาจต้องได้รับอาหารทางสายยาง
- ระดับ 4: มีอาการรุนแรงมาก ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารได้เลย และอาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อน
1.4 ผลกระทบของภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบต่อผู้ป่วยมะเร็ง
ภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบไม่ได้เป็นเพียงอาการที่สร้างความเจ็บปวดทรมานเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบที่สำคัญต่อผู้ป่วยมะเร็งในหลายด้าน:
- ผลกระทบต่อการรับประทานอาหาร: อาการปวดและแผลในปากทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารได้อย่างปกติ ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมและอาจทำให้ร่างกายอ่อนแอ
- ผลกระทบต่อการรักษา: ภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบที่รุนแรงอาจทำให้ผู้ป่วยต้องหยุดพักการรักษา หรือลดปริมาณยาเคมีบำบัด ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรักษาโรคมะเร็ง
- ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต: อาการปวดและความยากลำบากในการรับประทานอาหาร การพูด และการกลืน ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกทุกข์ทรมานและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม
- ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ: แผลในช่องปากเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ
PVP Gel คืออะไร? นวัตกรรมใหม่เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง
PVP Gel เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ที่ได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย ผลิตภัณฑ์นี้ออกแบบมาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดและรักษาแผลในปาก โดยเฉพาะในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา นำเข้าจากประเทศไต้หวันโดยเป็นโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน GMP ที่รับประกันคุณภาพและความปลอดภัย
ส่วนประกอบของ PVP Gel
PVP GEL มีส่วนประกอบสำคัญคือ โพลีไวนิลไพโรลิโดน (Polyvinylpyrrolidone) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ในการดูแลช่องปากที่มีปัญหาเยื่อบุช่องปากอักเสบ
- โพลีไวนิลไพโรลิโดน (Polyvinylpyrrolidone): เป็นโพลีเมอร์ที่สามารถละลายน้ำได้ มีความปลอดภัยสูง และมีคุณสมบัติในการยึดติดกับเนื้อเยื่อเมือก (Mucoadherent) ได้ดี เมื่อใช้ PVP GEL จะเกิดการสร้างฟิล์มเคลือบผิวเนื้อเยื่อในช่องปาก ทำหน้าที่เสมือนเป็นเกราะป้องกันแผล
นอกจากโพลีไวนิลไพโรลิโดนแล้ว PVP GEL ยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการดูแลช่องปาก ได้แก่:
- น้ำบริสุทธิ์: เป็นส่วนประกอบหลักของ PVP GEL
ด้วยรสชาติลิ้นจี่ที่อ่อนโยนและปราศจากน้ำตาล แต่มีรสหวานอ่อนๆ PVP Gel เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีที่มีแผลในช่องปากและลำคอ เช่นผู้ป่วยมะเร็งที่มีภาวะแผลในปาก หรือในผู้สูงอายุที่มีภาวะน้ำลายแห้งทำให้เกิดการระคายเคือง หรือในผู้ป่วยที่มีการผ่าตัดในลำคอ หรือทอนซิล 1 ขวดมีปริมาตร 250 มิลลิลิตรที่เพียงพอสำหรับการใช้งานหลายครั้งเพื่อการบรรเทาที่ยาวนาน
PVP Gel ทำงานอย่างไร?
PVP Gel ทำงานโดยใช้กลไกที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพสูง ส่วนผสมหลัก โพลีไวนิลไพโรลิโดน (PVP) เป็นโพลีเมอร์ที่ละลายน้ำได้และมีคุณสมบัติยึดติดกับเยื่อเมือก (Mucoadherent) เมื่อทาลงในช่องปาก เจลจะสร้างฟิล์มป้องกันที่เกาะติดกับเยื่อบุช่องปากและครอบคลุมบริเวณที่เป็นแผลหรืออักเสบ โดยมีหน้าที่ดังนี้:
- ปกป้องแผลจากสิ่งระคายเคือง: ฟิล์มป้องกันช่วยลดการสัมผัสระหว่างแผลกับอาหาร เครื่องดื่ม หรือน้ำลาย ลดความเจ็บปวดและการระคายเคือง
- ลดความไวของปลายประสาท: ครอบคลุมปลายประสาทที่เปิดออกในแผล ช่วยลดความรู้สึกเจ็บและแสบ
- รักษาความชุ่มชื้น: ป้องกันความแห้งของเยื่อบุช่องปาก ลดอาการแสบร้อนจากความแห้ง (Dry Heat Discomfort)
- ส่งเสริมการหายของแผล: การปกป้องแผลและการรักษาความชุ่มชื้นช่วยสร้างสภาวะที่เหมาะสมต่อการหายของแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
กลไกทางเภสัชวิทยา
- เริ่มออกฤทธิ์: ภายใน 1 นาที หลังการใช้ ให้การบรรเทาความเจ็บปวดอย่างรวดเร็ว
- การดูดซึม: ออกฤทธิ์เฉพาะที่ในช่องปากและลำคอ ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเพียงเล็กน้อย
- การขับออก: PVP ที่ดูดซึมจะถูกขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระในรูปแบบที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย
- ระยะเวลาการออกฤทธิ์: ฟิล์มป้องกันคงอยู่ได้นานหลายชั่วโมง ให้ความสบายอย่างต่อเนื่อง
ให้ทุกมื้ออาหารไม่ใช่เรื่องเจ็บปวดอีกต่อไป คลิกที่นี่เพื่อรับคำปรึกษาจากเภสัชกรฟรีทันที!
ประสิทธิภาพของ PVP GEL ที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์
PVP GEL ได้รับการศึกษาและวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการและส่งเสริมการหายของแผลในช่องปาก โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบจากการรักษาโรคมะเร็ง
- บรรเทาความเจ็บปวดทันทีและช่วยให้กลืนได้ดีขึ้น
- การศึกษาในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณศีรษะและคอ: การศึกษาพบว่า PVP GEL สามารถลดความเจ็บปวดจากแผลในช่องปากได้อย่างมีนัยสำคัญ และยังช่วยเพิ่มความสามารถในการกลืนของผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้ดีขึ้น
- ลดความรุนแรงของแผลในปาก
- การศึกษาในเด็กที่มีภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบจากการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว: การศึกษาพบว่า PVP GEL สามารถลดความรุนแรงของภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ และยังช่วยลดความต้องการในการใช้ยาแก้ปวดในผู้ป่วยกลุ่มนี้ โดยกลุ่มที่ใช้ PVP Gel มีอาการแผลในปากลดลงจากเกรด 2 เหลือเกรด 1 ภายใน 3 วัน และหายสนิทในวันที่ 8 ส่วนกลุ่มควบคุมที่ใช้ยาหลอกยังคงมีอาการแผลในปากเกรด 1 ในวันที่ 8
- ป้องกันและรักษาแผลในปาก
- การศึกษาในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา: การศึกษาพบว่า PVP GEL สามารถป้องกันการเกิดแผลในปากได้ในระดับหนึ่ง และยังช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นในผู้ป่วยที่เกิดแผลในปาก
ผลการศึกษาเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า PVP GEL เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการและส่งเสริมการหายของแผลในช่องปาก โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบจากการรักษาโรคมะเร็ง
ความปลอดภัยในการใช้งาน PVP GEL
PVP GEL เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูงและสามารถใช้ได้ในผู้ป่วยทุกกลุ่ม รวมถึงเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ปราศจากยาทุกชนิด: PVP GEL ปราศจากยาชา ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด สเตียรอยด์ และแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
- ไม่รบกวนการรักษามะเร็ง: ปลอดภัยสามารถใช้ได้ในขณะที่ได้รับการรักษา ทำให้ผู้ป่วยเจ็บแสบแผลในปากน้อยลง มีโอกาสในการเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยอย่างมาก
- ออกฤทธิ์เฉพาะที่: PVP GEL ออกฤทธิ์เฉพาะที่ในช่องปาก และมีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่น้อยมาก
ทำไม PVP Gel เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง?
- บรรเทาความเจ็บปวดทันทีและยาวนาน
PVP Gel ให้การบรรเทาความเจ็บปวดภายใน 1 นาที และฟิล์มป้องกันคงอยู่นานหลายชั่วโมง ต่างจากวิธีการรักษาทั่วไปที่อาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล
- ปรับปรุงคุณภาพชีวิต
การลดความเจ็บปวดและช่วยให้กลืนได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ และพูดคุยได้สะดวกขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษากำลังใจและโภชนาการ
- ปลอดภัยสำหรับทุกวัย
PVP Gel ปราศจากยาทุกชนิดได้แก่ สเตียรอยด์ ยาชา ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะ หรือแอลกอฮอล์ ปลอดภัยสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
- ใช้งานง่าย
วิธีการใช้ PVP Gel อย่างถูกต้อง
- รินเจลปริมาณ 15 มิลลิลิตรจากขวดลงในถ้วยที่เตรียมไว้ให้
- อมและกลั้วผลิตภัณฑ์ในช่องปากอย่างน้อย 3-5 นาที เพื่อให้เจลเคลือบลิ้น เพดานปาก กระพุ้งแก้ม และเนื้อเยื่ออ่อนภายในช่องปาก
- หลังกลั้วเสร็จสามารถอมหรือบ้วนทิ้งได้ตามตำแหน่งของแผลในช่องปาก
- รออย่างน้อย 15 นาทีก่อนการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มเพื่อให้ฟิล์มเจลเคลือบได้คงตัวเต็มประสิทธิภาพ
- สามารถใช้ได้วันละ 4 ครั้งก่อนอาหารและก่อนนอน หรือตามต้องการ
คำแนะนำเพิ่มเติมในการใช้ PVP GEL
- สามารถกลืนผลิตภัณฑ์ได้: PVP GEL มีความปลอดภัยในการกลืน เนื่องจากส่วนประกอบทุกชนิดเป็น food grade และมีความปลอดภัย
- ปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น: หากมีอาการไม่ดีขึ้นหลังจากการใช้ PVP GEL 7 วัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม
- การเก็บรักษาผลิตภัณฑ์:
- ผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่เปิดใช้ สามารถเก็บได้ในอุณหภูมิห้อง และควรเก็บให้พ้นจากแสงแดดโดยตรง เนื่องจากแสงแดดอาจทำให้สีของเจลเข้มขึ้นหรือเหนียวขึ้นได้ แต่ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
- ผลิตภัณฑ์ที่เปิดใช้แล้ว สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาได้ และควรใช้หมดภายใน 14 วันหลังเปิดใช้ เพื่อรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์
- เก็บให้พ้นมือเด็ก: ควรเก็บ PVP GEL ให้พ้นมือเด็กเพื่อป้องกันการกลืนกินโดยไม่ตั้งใจ
- ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ส่วนประกอบ: ห้ามใช้ PVP GEL ในผู้ที่แพ้หรือสงสัยว่าแพ้ส่วนประกอบใด ๆ ในผลิตภัณฑ์
- ไม่แนะนำในหญิงมีครรภ์และให้นมบุตร: ไม่แนะนำให้ใช้ PVP GEL ในหญิงมีครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ในกลุ่มบุคคลเหล่านี้
“เมื่อสั่งซื้อ PVP Gel วันนี้ รับฟรีทันที! E-book ‘สู้มะเร็งไปด้วยกัน’ มูลค่า 590 บาท ที่จะเป็นเพื่อนคู่ใจตลอดการรักษาของคุณ”
เปรียบเทียบ PVP Gel กับวิธีการรักษาอื่นๆ
- ยาชาเฉพาะที่
- ฤทธิ์ชาสั้น: ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดเพียงชั่วคราวประมาณ 15-30 นาที เมื่อหมดฤทธิ์ความเจ็บปวดจะกลับมาเหมือนเดิม
- ไม่ถึงแผลลึก: ทำงานได้แค่ผิวเยื่อบุช่องปาก หากแผลลึกเกินไปก็ไม่ช่วยทำให้เกิดการชา
- กินอาหารก็เจ็บเหมือนเดิม: แม้บริเวณแผลจะชา แต่ตัวแผลยังเปิดอยู่ อาหารและเครื่องดื่มที่สัมผัสแผลโดยตรงจึงยังทำให้เกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะในขณะรับประทานอาหาร
- ยาสเตียรอยด์ลดอักเสบชนิดขี้ผึ้งป้ายปาก
- ยาไม่ติดแผลดี: เมื่อนำยาป้ายที่แผลในช่องปาก น้ำลายหรือการเคลื่อนไหวของปากจะทำให้ยาหลุดออกง่าย ไม่สามารถเกาะแผลได้นานพอ
- เน้นลดอักเสบ ไม่ใช่ลดปวดทันที: มีประสิทธิภาพในการลดอาการอักเสบในระยะยาว แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดทันทีที่เกิดขึ้นตอนกินอาหาร
- แผลลึกเกินไป: ยาอาจซึมไม่ถึงบริเวณชั้นเนื้อเยื่อที่อักเสบหรือเจ็บโดยตรง ส่งผลให้ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ทันทีเมื่อรับประทานอาหาร
- กินอาหารก็เจ็บเหมือนเดิม: ไม่ช่วยให้กลืนอาหารได้ดีขึ้นเลย
- เจลบรรเทาแผลในปาก PVP GEL; ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นและกลไกการทำงานที่แตกต่างอย่างมีนวัตกรรม จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่มีแผลในปากขนาดใหญ่และลึกจากเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา
- ออกฤทธิ์รวดเร็วและยาวนาน: PVP Gel สร้างฟิล์มบางๆ เคลือบแผลทันทีหลังจากใช้ และคงสภาพอยู่ได้นานหลายชั่วโมง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกบรรเทาความเจ็บปวดได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
- เข้าถึงแผลลึกได้ดีกว่า ติดแผลได้นาน: ฟิล์มของ PVP Gel สามารถยึดเกาะเยื่อบุช่องปากได้ดี บรรเทาอาการได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
- ป้องกันการระคายเคืองได้จริง: ฟิล์มของ PVP Gel จะปิดคลุมแผล ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันอาหาร เครื่องดื่ม และน้ำลายจากการสัมผัสกับแผลโดยตรง จึงช่วยป้องกันการระคายเคืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงจากยา: PVP Gel ปลอดภัยต่อผู้ป่วยทุกวัยและไม่มีส่วนผสมของยาทุกชนิดสเตียรอยด์หรือยาชาจึงไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง
“เราเข้าใจดีว่าการต่อสู้กับมะเร็งเป็นเรื่องยากลำบากเพียงใด และความเจ็บปวดจากแผลในปากยิ่งเพิ่มภาระให้หนักขึ้น ให้ PVP Gel เจลบรรเทาแผลในปาก พร้อมอยู่เคียงข้างคุณในการบรรเทาความทุกข์ทรมานนี้ เพื่อช่วยให้คุณมีวันที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมทั้งกายที่แข็งแรง จิตใจที่เข้มแข็ง เราจะผ่านวันที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน”
🌟 เริ่มต้นชีวิตที่ปราศจากความเจ็บปวดจากแผลในปากวันนี้ – สั่งซื้อ PVP Gel ตอนนี้!
โปรโมชั่นพิเศษ: แถม Immunex FOS ฟรี
⏰ โปรโมชั่นพิเศษ! สั่งวันนี้รับของแถม 2 ต่อ – Immunex FOS + E-Book มูลค่ารวมกว่า 1,000 บาท
“ภายใน E-book คุณจะพบกับ 10 เมนูอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีแผลในปาก, เทคนิคการผ่อนคลายความเครียด และอีกมากมาย”
Immunex FOS: พลังเสริมภูมิคุ้มกันและสุขภาพลำไส้เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง
ในผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา ปัญหาที่พบบ่อยไม่ใช่เพียงแค่แผลในปากที่สร้างความเจ็บปวดอย่างรุนแรง จนทำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ลำบากเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาทางเดินอาหารที่เกิดขึ้นตามมา เช่น อาการท้องผูกจากการรับประทานอาหารที่มีใยอาหารลดลง และการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นได้น้อยลง ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูและต่อสู้กับโรคมะเร็ง ส่งผลให้สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยแย่ลง ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ และยังทำให้กระบวนการฟื้นตัวหลังการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีรักษาเป็นไปอย่างช้าและไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
6.1 พรีไบโอติก (Prebiotic) คืออะไร? และแตกต่างจากโปรไบโอติกอย่างไร?
เมื่อเราพูดถึงสารหรืออาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพลำไส้ มักได้ยินคำว่า “พรีไบโอติก (Prebiotic)” ควบคู่กับ “โปรไบโอติก (Probiotic)” สองคำนี้อาจดูคล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้วทำงานคนละบทบาทและมีวิธีใช้ต่างกัน มาดูกันว่า Prebiotic คืออะไรกันแน่ และแตกต่างจาก Probiotic อย่างไร
พรีไบโอติก: อาหารชั้นเลิศสำหรับจุลินทรีย์ดี
พรีไบโอติก คือ สารประกอบที่ไม่ถูกย่อยในระบบทางเดินอาหารของมนุษย์ ส่วนใหญ่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ (เช่น FOS, Inulin, GOS) เมื่อพรีไบโอติกเดินทางไปถึงลำไส้ใหญ่ จะกลายเป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ หรือ “โปรไบโอติก” ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา
กระบวนการย่อยสลายพรีไบโอติกโดยโปรไบโอติกจะนำไปสู่การสร้างกรดไขมันสายสั้น (Short-Chain Fatty Acids หรือ SCFAs) เช่น บิวไทเรต (butyrate), โพรพิโอเนต (propionate) และอะซิเตต (acetate) ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพลำไส้และร่างกายโดยรวม ดังนี้
- เสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ลำไส้ใหญ่: SCFAs โดยเฉพาะบิวไทเรต เป็นแหล่งพลังงานสำคัญสำหรับเซลล์เยื่อบุลำไส้ใหญ่ ช่วยให้เซลล์เหล่านี้แข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ปรับสมดุลระบบขับถ่าย: พรีไบโอติกช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระและทำให้อุจจาระนิ่มลง ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้และป้องกันอาการท้องผูก
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: โปรไบโอติกที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากพรีไบโอติก จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การเจริญของแบคทีเรียดีช่วยกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาว (macrophage, dendritic cell, T-cell) ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โปรไบโอติก: จุลินทรีย์ตัวดีที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้
โปรไบโอติก คือ จุลินทรีย์ที่มีชีวิต ซึ่งเมื่อบริโภคในปริมาณที่เพียงพอ จะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ โปรไบโอติกมีหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่พบได้บ่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ได้แก่ แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) และบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium)
โปรไบโอติกทำงานโดยการเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ และยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ โปรไบโอติกยังช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันของลำไส้ และลดการอักเสบในลำไส้
อย่างไรก็ตาม โปรไบโอติกมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอก เช่น อุณหภูมิและความชื้น ดังนั้น การเก็บรักษาผลิตภัณฑ์โปรไบโอติกอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าจุลินทรีย์ยังมีชีวิตอยู่และมีประสิทธิภาพเมื่อบริโภค
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างพรีไบโอติกและโปรไบโอติก
ลักษณะ | พรีไบโอติก | โปรไบโอติก |
นิยาม | ใยอาหารที่ร่างกายคนย่อยไม่ได้ แต่แบคทีเรียดีในลำไส้กินได้ แก้ปัญหาแบบ “เลี้ยงแบคทีเรียของตัวเอง”: เป็นวิถีธรรมชาติ | เชื้อแบคทีเรียดีที่กินเข้าไป เพื่อให้เพิ่มจำนวนในลำไส้ |
บทบาท | ส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีอยู่ | เพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ |
แหล่งที่พบ | ไฟเบอร์จากผักผลไม้ เช่น หัวหอม กระเทียม กล้วย | ผลิตภัณฑ์นมหมัก เช่น โยเกิร์ต กิมจิ |
ความคงตัว | ไม่ใช่เชื้อ จึงไม่ตายเมื่อลงน้ำร้อนหรือเก็บไว้นาน | เป็นเชื้อมีชีวิต อาจตายได้หากไม่เก็บอย่างถูกวิธี หรือผสมน้ำร้อน หรือกินพร้อมยาปฎิชีวนะ |
กลุ่มผู้ใช้งาน | ปลอดภัยสำหรับทุกเพศทุกวัย (เว้นแต่เด็กต่ำกว่า 6 เดือนหรือผู้ป่วยเฉพาะทาง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน) สามารถใช้ในผู้ที่กังวลเรื่องเชื้อภายนอก หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ | อาจมีข้อควรระวังในเด็กเล็กหรือคนภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพราะเป็นการนำเชื้อเข้าร่างกายโดยตรง |
บทบาทในผู้ป่วยมะเร็ง
ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดหรือการฉายแสง อาจมีภาวะลำไส้แปรปรวนและระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ในกรณีเช่นนี้ การบริโภคพรีไบโอติกอาจเป็นประโยชน์มากกว่าโปรไบโอติก เนื่องจากพรีไบโอติกช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีอยู่แล้วในลำไส้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการนำจุลินทรีย์ภายนอกเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด เช่น Immunex FOS มีส่วนผสมของพรีไบโอติกและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ซิงก์และซีลีเนียม ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องการดูแลสุขภาพลำไส้และระบบภูมิคุ้มกัน
Immunex FOS คือผลิตภัณฑ์พรีไบโอติกที่มีส่วนประกอบสำคัญคือ ฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ (Fructooligosaccharides – FOS) ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารที่มีคุณสมบัติพิเศษในการส่งเสริมการเจริญเติบโตและเพิ่มปริมาณของแบคทีเรียดีในลำไส้ (Probiotics) อย่างมีประสิทธิภาพ Immunex FOS ปราศจากน้ำตาล จึงเหมาะกับผู้ป่วยมะเร็งที่จำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเคร่งครัด และยังมีส่วนผสมของแร่ธาตุสำคัญ เช่น ซิงค์ (Zinc) และซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง การรับประทาน Immunex FOS จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในการเจริญเติบโตและแข่งขันกับแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรค ผลลัพธ์ที่ได้คือการสร้างระบบนิเวศที่สมดุลภายในลำไส้ เพิ่มความแข็งแรงของระบบทางเดินอาหารโดยรวม รวมถึงช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้นจากการที่ลำไส้มีแบคทีเรียที่มีประโยชน์มากขึ้น ช่วยกระตุ้นและเสริมสร้างการทำงานของเม็ดเลือดขาว ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีสุขภาพทางเดินอาหารที่ดีและร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นจากการรักษาโรคมะเร็ง
ประโยชน์ที่ผู้ป่วยมะเร็งได้รับจาก Immunex FOS
- บรรเทาอาการท้องผูก ผู้ป่วยมะเร็งที่มีแผลในปากมักรับประทานอาหารได้น้อย ส่งผลให้ได้รับใยอาหารลดลงและเกิดอาการท้องผูก Immunex FOS จะช่วยเพิ่มเส้นใยอาหารในลำไส้ ทำให้อุจจาระนุ่มขึ้น ขับถ่ายได้ง่ายและสม่ำเสมอ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาท้องผูกที่สร้างความทุกข์ทรมานแก่ผู้ป่วย
- ฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน เคมีบำบัดและรังสีรักษามีผลข้างเคียงทำลายเซลล์ปกติในร่างกาย ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยอ่อนแอลง Immunex FOS ช่วยเสริมสร้างการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้กลับมาแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการปรับสมดุลของแบคทีเรียดีในลำไส้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- เร่งการฟื้นตัวของร่างกาย เมื่อระบบทางเดินอาหารและระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น ผู้ป่วยจะสามารถดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูสุขภาพได้ดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายมีพลังงานในการต่อสู้กับโรคและฟื้นตัวจากการรักษาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การรับประทาน Immunex FOS จึงเป็นการดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบองค์รวม ควบคู่ไปกับการใช้ PVP Gel เจลบรรเทาแผลในปาก ในการรักษาแผลในปาก ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน
สรุป: PVP Gel ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
PVP Gel เป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งในประเทศไทยจัดการแผลในปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการบรรเทาความเจ็บปวด ป้องกันแผล และปรับปรุงคุณภาพชีวิต สั่งซื้อวันนี้ที่ 02-3817050 เพื่อรับ Immunex FOS ฟรี และเริ่มต้นการฟื้นฟูสุขภาพของคุณ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: PVP Gel ใช้ได้กับผู้ป่วยที่กำลังรับเคมีบำบัดหรือไม่?**
A: ใช่ได้อย่างปลอดภัย PVP Gel ไม่มีส่วนผสมของยาใดๆ จึงไม่รบกวนการรักษาหลัก
Q: ต้องใช้บ่อยแค่ไหนจึงจะเห็นผล?
A: ผู้ป่วยส่วนใหญ่รู้สึกบรรเทาทันทีหลังใช้ครั้งแรก แนะนำให้ใช้วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน และใช้จนกว่าแผลจะบรรเทา
Q: เด็กหรือผู้สูงอายุใช้ได้หรือไม่?
A: สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยสำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ขวบ จนถึงผู้สูงอายุ ใช้ง่าย เพียงอมกลั้วในปากสามารถบ้วนทิ้งหรือกลืนได้ถ้ามีแผลลึกในลำคอหรือทางเดินอาหารส่วนต้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์เป็น food grade และไม่มีส่วนผสมของยาทุกชนิด
Q: PVP Gel ต่างจากยาชาหรือยาสเตียรอยด์อย่างไร?
A: PVP Gel สร้างฟิล์มเคลือบแผล ปกป้องแผลจากภายนอก เช่น อาหาร น้ำ หรือน้ำลายในปาก ฟิล์มจะยึดเกาะได้ยาวนานกว่ายาชาหรือยาสเตียรอยด์ป้ายปาก และไม่มีผลข้างเคียงจากยาเหมือนยาชาหรือสเตียรอยด์ทั่วไป
Q: หลังจากใช้ PVP Gel จะสามารถทานอาหารได้ทันทีไหม?
A: หลังใช้ PVP Gel ประมาณ 15 นาที สามารถทานอาหารได้โดยเจ็บปวดน้อยลง กลืนได้ดีขึ้น เพราะเจลจะสร้างฟิล์มป้องกันการสัมผัสระหว่างอาหารกับแผลทันที
ปรึกษาเภสัชกรของเราได้ทันที ไม่มีค่าใช้จ่าย
- LINE Official: @genkihouses
- เว็บไซต์: www.genkihouses.com
- “รับสิทธิ์รับ Immunex FOS ฟรี! เพียงสั่งซื้อวันนี้!”
- “คลิกที่นี่เพื่อหยุดความเจ็บปวดจากแผลในปากทันที!”
“E-book ‘สู้มะเร็งไปด้วยกัน’ รวบรวมเคล็ดลับจากผู้ป่วยมะเร็งที่ผ่านการรักษาสำเร็จ พร้อมคำแนะนำจากเภสัชกรในการดูแลตัวเองระหว่างการรักษามะเร็ง ทั้งเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย และการดูแลจิตใจ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถไปถึงจุดเส้นชัยของการรักษาได้อย่างดีที่สุด”
เลือก PVP Gel และ Immunex FOS เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นระหว่างการรักษามะเร็งของคุณหรือคนที่คุณรัก
“เพราะการดูแลที่ดีที่สุด คือการดูแลที่ครอบคลุมทั้งภายในและภายนอก”