เมื่อพูดถึงการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง หลายครอบครัวให้ความสำคัญกับเรื่องการรักษาทางการแพทย์ เช่น การได้รับยาเคมีบำบัด การฉายแสง หรือการดูแลเรื่องโภชนาการอย่างเข้มงวด แต่กลับมองข้ามสิ่งสำคัญที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดอย่าง “ช่องปาก” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการรับอาหาร พูดคุย และยังเป็นด่านแรกของภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติ
ในฐานะเภสัชกรที่ดูแลผู้ป่วยมะเร็งมาหลายราย หนึ่งในปัญหาที่พบเสมอคือการละเลยสัญญาณของ “mucositis” หรือแผลในช่องปากจากเคมีบำบัดและการฉายแสง ซึ่งเป็นภาวะที่สามารถป้องกันและบรรเทาได้หากได้รับการดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการดูแลช่องปากผู้ป่วยมะเร็ง
- มองว่าแผลในปากเป็นเรื่องเล็ก
แผลในปากมักถูกมองว่าเป็นแค่ปัญหาเล็กน้อย โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ผู้ป่วยเพิ่งเริ่มมีอาการ เช่น เจ็บเล็กน้อย กลืนลำบาก หรือมีรอยแดง แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาการจะลุกลามกลายเป็นแผลเปิด มีการติดเชื้อรุนแรง และกระทบต่อการกินอาหารจนถึงขั้นต้องงดคีโมหรือหยุดการรักษาชั่วคราว
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากทั่วไปที่ไม่เหมาะกับผู้ป่วยมะเร็ง
หลายครอบครัวเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากสูตรแรง ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์สูง หรือแปรงสีฟันขนาดใหญ่โดยไม่ได้ปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ ทำให้เยื่อบุช่องปากที่อ่อนแออยู่แล้วเกิดการระคายเคืองและแผลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- ขาดการป้องกันตั้งแต่ระยะแรก
ผู้ป่วยมะเร็งที่รับยาเคมีหรือฉายแสงบริเวณศีรษะและลำคอมีโอกาสเกิด mucositis สูงถึง 70-80% การเริ่มต้นใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเคลือบและปกป้องเยื่อบุช่องปากตั้งแต่ยังไม่มีแผล เช่น PVP Gel จึงเป็นวิธีเชิงรุกที่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะสามารถลดโอกาสเกิดแผลรุนแรง และช่วยให้ผู้ป่วยกินอาหารได้ดีขึ้น
- ไม่ใส่ใจเรื่องท้องผูกและระบบลำไส้
ท้องผูกเป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากการกินน้ำน้อย อาหารน้อย และผลจากยาเคมีบำบัด ซึ่งส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง การปล่อยให้ผู้ป่วยท้องผูกนานๆ จะทำให้เกิดสารพิษสะสม เสี่ยงต่อการติดเชื้อและทำให้ mucositis หายช้าลง
การเสริมด้วยพรีไบโอติก เช่น Immunex FOS ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ปรับสมดุลการขับถ่าย และที่สำคัญคือ ไม่รบกวนการรักษามะเร็ง จึงปลอดภัย เหมาะกับผู้ป่วยที่ต้องการดูแลลำไส้ให้พร้อมต่อสู้กับผลข้างเคียงจากการรักษา
- ดูแลช่องปากไม่ต่อเนื่อง
หลายครอบครัวให้ความใส่ใจดูแลช่องปากเฉพาะเวลาที่ผู้ป่วยเริ่มบ่นว่าเจ็บปาก หรือมีกลิ่นปากเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงที่แผลมักเริ่มลุกลามแล้ว การดูแลอย่างสม่ำเสมอ เช่น การใช้ PVP Gel วันละ 4 ครั้ง (ก่อนอาหารและก่อนนอน) จะช่วยป้องกันแผลระยะเริ่มต้นไม่ให้รุนแรงขึ้น และลดภาระทางจิตใจของผู้ป่วยที่ต้องทนทุกข์กับอาการเจ็บ
PVP Gel: ตัวช่วยลดความเจ็บปวดและป้องกันแผลลุกลาม
PVP Gel เป็นเจลที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผู้ป่วยที่มีแผลในปากจากการรักษามะเร็ง ด้วยสาร Polyvinylpyrrolidone (PVP) ที่มีคุณสมบัติในการสร้างฟิล์มเคลือบบริเวณเยื่อบุช่องปาก ลดแรงเสียดสีขณะรับประทานอาหาร และป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อน
ประโยชน์หลัก:
- บรรเทาอาการปวดทันทีหลังใช้
- ช่วยให้ผู้ป่วยกินอาหารได้ดีขึ้น
- เพิ่มคุณภาพชีวิต และลดโอกาสหยุดการรักษา
วิธีใช้:
- เทเจล 15 ml ลงในถ้วยสะอาด
- กลั้วในปาก 3-5 นาที ให้เจลเคลือบแผลอย่างทั่วถึง
- งดอาหาร-เครื่องดื่ม 15 นาทีหลังใช้
- ใช้วันละ 4 ครั้ง โดยเฉพาะก่อนมื้ออาหารและก่อนนอน
Immunex FOS: พรีไบโอติกที่เสริมภูมิคุ้มกันได้จากภายใน
ในช่วงที่ผู้ป่วยรับยาเคมีบำบัด ระบบภูมิคุ้มกันจะลดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องปากหรือลำไส้ได้ง่าย Immunex FOS จึงเป็นตัวช่วยที่แพทย์และเภสัชกรแนะนำให้ใช้ควบคู่กับการรักษา
คุณสมบัติเด่นของ Immunex FOS:
- ช่วยเพิ่มแบคทีเรียดีในลำไส้
- ปรับสมดุลระบบขับถ่าย ลดท้องผูก
- เสริมการดูดซึมสารอาหารเพื่อการฟื้นตัว
- ปลอดภัย ไม่รบกวนการรักษามะเร็ง
เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่รับประทานอาหารได้น้อยจากแผลในปาก การได้พรีไบโอติกที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันจากภายใน จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น และพร้อมรับการรักษาคอร์สต่อไป
อ่านต่อ: เคมีบำบัดกับแผลในปาก: เข้าใจกระบวนการเพื่อการป้องกันที่ถูกต้อง
อ่านข้อมูลผลิตภัณฑ์ PVP Gel ฉบับสมบูรณ์ คลิกที่นี่
ปรึกษาเภสัชกรของเราได้ทันที ไม่มีค่าใช้จ่าย
LINE Official: @genkihouses
เว็บไซต์: www.genkihouses.com
“รับสิทธิ์รับ Immunex FOS ฟรี! เพียงสั่งซื้อวันนี้!”
“คลิกที่นี่เพื่อหยุดความเจ็บปวดจากแผลในปากทันที!”
E-book ‘สู้มะเร็งไปด้วยกัน’
รวบรวมเคล็ดลับจากผู้ป่วยมะเร็งที่ผ่านการรักษาสำเร็จ พร้อมคำแนะนำจากเภสัชกรในการดูแลตัวเองระหว่างการรักษา ทั้งเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย และการดูแลจิตใจ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถไปถึงจุดเส้นชัยของการรักษาได้อย่างดีที่สุด