บทนำ
เมื่อลูกมีไข้พร้อมกับตุ่มน้ำขึ้นตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นที่มือ เท้า ปาก หรือส่วนอื่น ๆ คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจสับสนระหว่าง “มือเท้าปาก” กับ “อีสุกอีใส” ว่าโรคไหนกันแน่? เพราะทั้งสองโรคนี้มีลักษณะตุ่มน้ำที่คล้ายกัน แต่สาเหตุและการดูแลกลับแตกต่างกันพอสมควร
บทความนี้จะช่วยคุณแยกแยะ อาการของมือเท้าปาก (HFMD) กับ อีสุกอีใส (Chickenpox) ได้แบบเบื้องต้น เพื่อให้ดูแลลูกได้อย่างถูกต้อง พร้อมคำแนะนำในการใช้ Eureko Mouth Spray เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บปาก (ถ้าตุ่มเกิดภายในช่องปาก) และการเสริม Eureko Fructo พรีไบโอติก เพื่อให้ลูกขับถ่ายดีและเสริมภูมิคุ้มกัน อ่านจบแล้วจะเข้าใจทั้งสองโรค และนำไปดูแลลูกน้อยได้อย่างมั่นใจมากขึ้นค่ะ
1) รู้จัก “มือเท้าปาก” กับ “อีสุกอีใส” แบบสั้น ๆ
1.1 มือเท้าปาก (Hand, Foot and Mouth Disease: HFMD)
- สาเหตุ: เชื้อไวรัสกลุ่ม Enterovirus เช่น Coxsackie A16 และ Enterovirus 71
- อาการหลัก: ตุ่มน้ำใสหรือผื่นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า รอบปาก และอาจพบในปากเกิดเป็นแผลเจ็บ (แหล่งเจ็บปวดสำคัญ)
- อาการร่วม: ไข้สูง (38-39°C), เบื่ออาหาร, น้ำลายยืดไม่ยอมกลืน, ร้องไห้งอแง
(รายละเอียดเชิงลึกอ่านเพิ่มเติมที่ ลูกเป็นมือเท้าปาก! ทำยังไงดี? วิธีดูแล + ตัวช่วยลดเจ็บปากแบบเห็นผล หรือ “ทำไมลูกเจ็บปากน้ำลายยืดไม่หยุด?”)
1.2 อีสุกอีใส (Chickenpox)
- สาเหตุ: เชื้อไวรัส Varicella Zoster
- อาการหลัก: ตุ่มน้ำที่กระจายทั่วร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะ ลำตัว ใบหน้า แขนขา และอาจมีในช่องปากได้เช่นกัน แต่ไม่จำกัดเฉพาะมือหรือเท้า
- อาการร่วม: ไข้ต่ำถึงปานกลาง คันมากบริเวณตุ่มน้ำ เมื่อเวลาผ่านไปตุ่มน้ำจะแตกและกลายเป็นสะเก็ด
2) ตารางเปรียบเทียบ “มือเท้าปาก vs. อีสุกอีใส”
| หัวข้อ | มือเท้าปาก (HFMD) | อีสุกอีใส (Chickenpox) |
|---|---|---|
| ระยะฟักตัว | 3-6 วัน | 10-21 วัน |
| ลักษณะตุ่ม | ตุ่มน้ำใส เล็กๆ บริเวณมือ เท้า รอบปาก และในปาก | ตุ่มน้ำหลายระยะ กระจายทั่วร่างกาย จากหัวจรดเท้า |
| อาการเด่น | แผลในปาก เจ็บปวด กินไม่ได้ น้ำลายยืด | คันมากตรงตุ่มน้ำ, ตุ่มกลายเป็นสะเก็ดภายใน 1-2 สัปดาห์ |
| ระดับไข้ | ไข้สูง (38-39°C) ช่วง 1-2 วันแรก | ไข้ต่ำถึงปานกลาง (37.5-38.5°C) บางรายไข้สูงได้ |
| การติดต่อ | สัมผัสสารคัดหลั่ง น้ำลาย น้ำมูก อุจจาระของผู้ป่วย (เด็ก) | สัมผัสละอองฝอย ไอ จาม หรือสัมผัสตุ่มน้ำโดยตรง |
| ภาวะแทรกซ้อน | ขาดน้ำ ขาดสารอาหาร ถ้าเจ็บปากรุนแรง, เสี่ยงสมองอักเสบ (กรณี EV71) | การอักเสบติดเชื้อรุนแรงหากตุ่มแตกและติดเชื้อแบคทีเรีย |
3) วิธีแยกแยะเบื้องต้นถ้าลูกมี “ตุ่มน้ำ”
3.1 ตำแหน่งตุ่ม
- ถ้าตุ่มน้ำกระจุกตัวเด่นชัดที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ข้อศอก หัวเข่า และแผลในปากมาก ให้สงสัย “มือเท้าปาก”
- ถ้าตุ่มน้ำขึ้นทั่วตัว แม้แต่หนังศีรษะ ท้อง หลัง และใบหน้า แถมเด็กบ่นคันมาก ให้สงสัย “อีสุกอีใส”
3.2 ระยะเวลาเกิดตุ่ม
- มือเท้าปากมักเป็นช่วงสั้นๆ ไม่กี่วันหลังจากไข้ขึ้น ตุ่มบางจุดอาจแตกเป็นแผลในปากเร็ว
- อีสุกอีใส ตุ่มจะทยอยขึ้นเป็นระยะๆ จนครบทั่วร่างกาย และเปลี่ยนสภาพเป็นตุ่มใส แตกและเป็นสะเก็ด
3.3 อาการร่วม
- มือเท้าปาก: เด็กมัก “ปวดปาก” ไม่ยอมกินข้าว น้ำลายยืด กวนตลอด
- อีสุกอีใส: เด็ก “คันผิวหนัง” มากเป็นพิเศษ บางคนเกาจนเป็นแผล
(เมื่อไม่แน่ใจ ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างแม่นยำที่สุด)
4) การดูแลพื้นฐานเมื่อพบตุ่มน้ำในเด็ก
4.1 ลดไข้และสังเกตอาการ
- ให้ยาลดไข้ (พาราเซตามอล) ตามน้ำหนักตัว หากไข้สูง
- เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น
- จิบน้ำบ่อย ๆ ป้องกันขาดน้ำ
4.2 รักษาความสะอาดตุ่มน้ำ
- มือเท้าปาก: ตุ่มน้ำที่มือและเท้าอาจไม่คันเท่าอีสุกอีใส แต่หากแตกหรือถูกแกะ อาจติดเชื้อแบคทีเรียได้
- อีสุกอีใส: ห้ามแกะตุ่ม เพราะอาจเกิดแผลเป็นได้ ควรรักษาความสะอาด อาจใช้โลชั่นลดคันหรือปรึกษาแพทย์ถ้าคันมาก
4.3 ดูแลช่องปากและโภชนาการ
- กรณีมือเท้าปาก หากเด็กมีแผลในปากและเจ็บมาก ควรใช้ Eureko Mouth Spray ฉีดพ่นเพื่อเคลือบแผล ลดการเจ็บ เมื่อกินข้าวจะเจ็บน้อยลง
- ถ้าเด็กกินน้อยลงเพราะปวดแผล ควรเลือกอาหารอ่อนหรือเย็น (ดู “รวมเมนูอาหารเย็นชื่นใจ บรรเทาแผลในปาก…”)
- ผสม Eureko Fructo พรีไบโอติกในน้ำหรือนม เพื่อป้องกันท้องผูกและเสริมภูมิต้านทาน
5) การป้องกันการแพร่เชื้อในครอบครัว
5.1 ล้างมือสม่ำเสมอ
- ทั้งมือเท้าปากและอีสุกอีใสสามารถแพร่ทางสารคัดหลั่งหรือสัมผัสโดยตรง
- ล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสตุ่มน้ำ หลังเปลี่ยนผ้าอ้อม เช็ดน้ำมูก หรือล้างของเล่นลูก
5.2 แยกของใช้ส่วนตัว
- เช่น ผ้าเช็ดตัว ช้อน แก้วน้ำ ถ้าเป็นอีสุกอีใส อาจต้องแยกเตียงนอน เพื่อป้องกันเชื้อแพร่ผ่านละอองฝอย
5.3 พักจากโรงเรียนหรือสถานเลี้ยงเด็ก
- ไม่ควรส่งลูกไปโรงเรียนระหว่างที่ยังเป็นตุ่มน้ำหรือมีไข้ เพราะจะเสี่ยงแพร่ให้เด็กคนอื่น
6) กรณีตัวอย่าง “น้องฟ้า” ไม่แน่ใจว่าเป็นมือเท้าปากหรืออีสุกอีใส?
- อายุ 5 ขวบ: มีไข้ 38.5°C ตุ่มน้ำขึ้นกระจายที่หลังและหน้าท้องเล็กน้อย แต่ไม่มีตุ่มที่ฝ่ามือหรือฝ่าเท้า
- คุณแม่สงสัยเพราะน้องมีตุ่มน้ำในปาก 2-3 จุด กินข้าวได้น้อยจึงคิดว่าเป็นมือเท้าปาก
- แนวทางแก้ไข: พบแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นอีสุกอีใส แผลในปากเป็นส่วนหนึ่งของตุ่มที่ขึ้นในช่องปาก ไม่ได้จำกัดเฉพาะมือเท้าปาก
- หมอแนะนำใช้โลชั่นลดคันและเช็ดตัวลดไข้ตามอาการ สังเกตแผลในปากไม่เยอะมาก จึงประคองให้จิบน้ำเย็นได้ หากเจ็บมากสามารถใช้ Eureko Mouth Spray พ่นได้บ้างเพื่อบรรเทาปวด
-
- หากพบว่าเด็กมีตุ่มน้ำเฉพาะปาก มือ เท้า และร้องไห้งอแงเพราะปวดปากรุนแรง แนะนำอ่าน “ทำไมลูกเจ็บปากน้ำลายยืดไม่หยุด?” เพื่อดูวิธีรับมือ
- กรณีอยากเรียนรู้เรื่องการป้องกันโรคระบาดในชุมชนหรือโรงเรียน “ดูแลสุขอนามัยช่วงระบาด: วิธีป้องกันมือเท้าปากไม่ให้ลามทั้งห้องเรียน”
ศึกษาภาพรวมมือเท้าปาก/เฮอร์แปงไจน่าเพิ่มเติมได้ใน ลูกเป็นมือเท้าปาก! ทำยังไงดี? วิธีดูแล + ตัวช่วยลดเจ็บปากแบบเห็นผล
สรุป
แม้ “มือเท้าปาก” กับ “อีสุกอีใส” จะมีตุ่มน้ำเป็นลักษณะร่วมกัน แต่สามารถแยกได้จากตำแหน่งและอาการเด่น เช่น มือเท้าปากจะเน้นตุ่มที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และแผลในปากที่เจ็บมาก ส่วนอีสุกอีใสจะพบตุ่มน้ำกระจายทั่วร่างกายและคันเป็นหลัก หากไม่แน่ใจ ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อได้รับการวินิจฉัยที่แม่นยำ
กรณีเป็น มือเท้าปาก และลูกเจ็บปากมาก อย่าลืมใช้ Eureko Mouth Spray เพื่อเคลือบแผล ลดการระคายเคือง และเสริมด้วย Eureko Fructo พรีไบโอติก เพื่อแก้ปัญหาท้องผูกและเสริมภูมิคุ้มกัน สำหรับ อีสุกอีใส ควรดูแลไม่ให้เด็กแกะตุ่มน้ำจนติดเชื้อแบคทีเรีย คอยระวังไข้และคันมากเป็นพิเศษ สุดท้ายนี้ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ และแยกของใช้ส่วนตัว เพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปสู่สมาชิกครอบครัวคนอื่นนะคะ



