ผลลัพธ์ที่ต่างกัน: ป้องกัน vs รักษาแผลกดทับ
ในฐานะผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียง เรามักถูกท้าทายด้วยคำถามสำคัญ: “จะทำอย่างไรให้คนที่เรารักไม่ต้องเจ็บปวดจากแผลกดทับ?”
หลายคนเริ่มต้นด้วยการรักษาเมื่อมีแผลเกิดขึ้นแล้ว แต่ความจริงก็คือ “การป้องกัน” ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงทั้งในแง่สุขภาพ ค่าใช้จ่าย และภาระทางอารมณ์
บทความนี้จะพาไปดูว่าอะไรคือ ผลลัพธ์ที่แท้จริง ระหว่างการ ป้องกัน กับ การรักษา แผลกดทับ พร้อมแนะนำแนวทางที่ชาญฉลาดและประหยัดกว่า
เปรียบเทียบแบบเห็นภาพ: ป้องกัน vs รักษา
หัวข้อ | ป้องกัน | รักษา |
---|---|---|
ความเจ็บปวดของผู้ป่วย | ไม่มี หรือมีน้อยมาก | เจ็บมาก โดยเฉพาะในระดับลึก |
ระยะเวลาที่ใช้ | ใช้เวลาไม่นานในแต่ละวัน | ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะหาย |
ค่าใช้จ่ายต่อเดือน | ประมาณ 500–2,000 บาท | หลักหมื่นบาทขึ้นไป |
ภาระผู้ดูแล | น้อยกว่ามาก | ต้องใช้เวลาและแรงงานสูง |
ความเสี่ยงแทรกซ้อน | ต่ำมาก | เสี่ยงติดเชื้อหรือเข้าโรงพยาบาล |
คุณภาพชีวิตโดยรวม | ผู้ป่วยอารมณ์ดี เคลื่อนไหวได้มากขึ้น | เครียด ซึมเศร้า และจำกัดการเคลื่อนไหว |
กรณีตัวอย่าง: ครอบครัว A และ ครอบครัว B
- ครอบครัว A เริ่มใช้ Mildvy Spray ตั้งแต่วันแรกที่คุณพ่อเป็นผู้ป่วยติดเตียง พวกเขาวางแผนการพลิกตัว ใช้ที่นอนลม และดูแลผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ
✨ ผลลัพธ์: 6 เดือนผ่านไป ไม่มีแผลกดทับแม้แต่แผลเดียว ผู้ป่วยมีสีหน้าสดใสและทานอาหารได้ดี
- ครอบครัว B ละเลยการป้องกัน เพราะเห็นว่ายังไม่เกิดปัญหา จนเข้าสู่เดือนที่ 4 เกิดแผลกดทับระดับ 2 บริเวณก้นกบ
💸 ผลลัพธ์: ต้องพาไปทำแผลทุกวัน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 12,000 บาทต่อเดือน และผู้ดูแลต้องลางานวันเว้นวัน
การรักษาที่ดี ยังไม่เท่ากับการไม่มีแผลเลย
แม้ว่าการรักษาแผลกดทับจะสามารถทำให้แผลหายได้ แต่สิ่งที่ไม่สามารถเรียกคืนได้คือ…
- ความเจ็บปวดและทรมาน ที่ผู้ป่วยต้องเผชิญตลอดกระบวนการ
- เวลาที่เสียไป ทั้งของผู้ป่วยและผู้ดูแล
- ความเสี่ยงที่จะเกิดแผลซ้ำ หากดูแลไม่ต่อเนื่อง
- ความกังวลและความเหนื่อยล้า ของสมาชิกในครอบครัว
หัวใจของการป้องกันคือ “ระบบดูแลแบบองค์รวม”
การป้องกันไม่ใช่แค่การพลิกตัวหรือใช้ที่นอนลม แต่คือการออกแบบระบบดูแลที่ต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และไม่ซับซ้อนเกินไป
💡 องค์ประกอบหลักของการป้องกันที่ได้ผล:
- ลดแรงกดทับ: พลิกตัวทุก 2 ชั่วโมง ใช้หมอนรองตามจุดเสี่ยง
- ดูแลผิวหนัง: ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวอย่าง Mildvy Spray ที่เคลือบผิวหนังแบบไม่เหนอะหนะ และช่วยลดการระคายเคือง
- ควบคุมความเปียกชื้น: เปลี่ยนผ้าอ้อมทันทีเมื่อมีการขับถ่าย
- ปรับระบบขับถ่าย: ใช้พรีไบโอติก เช่น Immunex FOS เพื่อป้องกันท้องผูกและลดความเสี่ยงการเบ่งแรง
- โภชนาการครบถ้วน: เสริมโปรตีนและสารอาหารที่ช่วยซ่อมแซมผิว
Mildvy Spray + Immunex FOS = ระบบป้องกันที่ครบวงจร
- Mildvy Spray: ปกป้องผิวจากการเสียดสีและความชื้น
- Immunex FOS: ดูแลจากภายใน ป้องกันท้องผูก และเสริมภูมิคุ้มกัน
การใช้ร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดโอกาสเกิดแผลกดทับได้อย่างชัดเจน
อ่านเพิ่มเติม :
สรุป
ในโลกของการดูแลผู้ป่วยติดเตียง การตัดสินใจระหว่าง “ป้องกัน” หรือ “รักษา” อาจฟังดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่ผลลัพธ์กลับต่างกันอย่างมหาศาล
การลงทุนเพียงเล็กน้อยในอุปกรณ์และวิธีดูแลที่ถูกต้อง เช่น Mildvy Spray และ Immunex FOS อาจช่วยให้ครอบครัวประหยัดเงินนับหมื่น และช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องทรมานจากแผลที่ป้องกันได้
อย่ารอให้แผลเกิดก่อนค่อยรักษา เพราะเมื่อถึงวันนั้น คุณจะพบว่า… มันสายเกินไป
📦 สนใจชุดดูแลป้องกันแผลกดทับ 📞 065-2054689
📲 สั่งซื้อผ่าน LINE: @genkihouses
🌐 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.genkihouses.com
#ดูแลก่อนป่วย #MildvySpray #ImmunexFOS #แผลกดทับ #ผู้ป่วยติดเตียง #พรีไบโอติก #ระบบดูแลครบวงจร