แผลในปาก…สัญญาณเตือนที่ทำคุณแม่สับสน!
คุณแม่คะ! เวลาที่ลูกน้อยเริ่มมีอาการ “ปากเป็นแผล” แล้วไม่ยอมกินข้าว เจ็บจนงอแงนี่มันน่ากังวลจริงๆ เลยใช่ไหมคะ? ยิ่งพอไปค้นหาข้อมูล คุณแม่ก็อาจจะเจอชื่อโรคลักษณะคล้ายๆ กันอย่าง “โรคมือ เท้า ปาก” (Hand, Foot and Mouth Disease – HFMD) กับ “โรคเฮอร์แปงไจน่า” (Herpangina) แล้วก็เริ่มสับสนว่า ตกลงลูกเราเป็นโรคไหนกันแน่นะ?
ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแม่! สองโรคนี้มีอาการคล้ายกันจริงๆ จนบางทีคุณหมอเองก็ต้องอาศัยการสังเกตอย่างละเอียดและประสบการณ์ในการวินิจฉัยเลยค่ะ แต่ถึงจะแยกยาก เภสัชบอกเลยว่าวันนี้จะมาไขข้อข้องใจให้คุณแม่เข้าใจถึงความแตกต่างที่สำคัญ เพื่อที่คุณแม่จะได้สังเกตอาการลูกได้เร็วขึ้น และดูแลลูกน้อยได้อย่างสบายใจค่ะ
อยากรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการดูแลโรคมือเท้าปากและเฮอร์แปงไจน่าอย่างครบวงจร พร้อมเทคนิคบรรเทาแผลในปาก และการเสริมภูมิคุ้มกันด้วย Eureko Mouth Spray และ Eureko Fructo แบบจัดเต็ม คลิกอ่านคู่มือฉบับเต็มได้ที่นี่เลยค่ะ: คู่มือจัดเต็ม: ดูแลลูกป่วยมือเท้าปาก
ทบทวน “โรคมือ เท้า ปาก (HFMD)” ที่คุณแม่ควรรู้
ก่อนจะไปรู้จักเฮอร์แปงไจน่า เภสัชขอทบทวนเรื่องโรคมือ เท้า ปาก อีกครั้งนะคะ (ถ้าคุณแม่ยังไม่เคยอ่านบทความก่อนหน้า สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่: ปากเป็นแผล ลูกไม่ยอมกินข้าว = สัญญาณมือเท้าปาก?)
โรคมือ เท้า ปาก (HFMD) เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัสค่ะ ที่เรากังวลกันบ่อยๆ คือสายพันธุ์ Coxsackievirus A16 และ Enterovirus 71 (EV71) ซึ่งแพร่กระจายผ่านสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย เช่น น้ำลาย น้ำมูก อุจจาระ หรือการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อค่ะ
อาการสำคัญของมือเท้าปากที่มักจะมาพร้อมกันคือ:
- มีไข้: ส่วนใหญ่มักเป็นไข้ต่ำๆ ถึงปานกลาง
- แผลในปาก: มักพบเป็นตุ่มแดง ตุ่มน้ำใส หรือแผลตื้นๆ ที่กระพุ้งแก้ม ลิ้น เพดานปาก หรือเหงือก ซึ่งทำให้เจ็บปากมากจนไม่อยากกินอะไรเลย
- ผื่น/ตุ่มน้ำที่มือและเท้า: เป็นลักษณะเด่นของโรคนี้เลยค่ะ มักเป็นผื่นแดงเล็กๆ หรือตุ่มน้ำใสๆ ขนาด 2-3 มิลลิเมตรที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า บางครั้งก็พบที่ก้นหรือข้อศอกด้วยค่ะ
มาทำความรู้จัก “เฮอร์แปงไจน่า (Herpangina)” อีกหนึ่งโรคยอดฮิตที่มีแผลในปาก!
คุณแม่คะ! โรคเฮอร์แปงไจน่า (Herpangina) เนี่ย เป็นอีกหนึ่งโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่มเดียวกันกับมือเท้าปากเลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็คือไวรัส Coxsackievirus สายพันธุ์ A หรือ B บางสายพันธุ์นั่นเองค่ะ! ด้วยความที่เป็นญาติๆ กันนี่แหละค่ะ อาการมันเลยคล้ายกันจนทำให้คุณแม่สับสนได้ง่ายๆ เลย
อาการเด่นของเฮอร์แปงไจน่าที่ต่างจากมือเท้าปากเล็กน้อยคือ:
- ไข้สูงเฉียบพลัน: มักจะมาพร้อมกับไข้สูงมากๆ ค่ะคุณแม่ บางทีตัวรุมๆ มาก่อนแล้วไข้ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
- เจ็บคอมาก: น้องจะเจ็บคอมากจนไม่อยากกลืนน้ำลายเลยค่ะ น้ำลายไหลยืด อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือปวดหัวร่วมด้วย
- แผลในปาก…แต่คนละตำแหน่งกันนะคุณแม่!: นี่คือจุดสังเกตสำคัญเลยค่ะคุณแม่! ในโรคเฮอร์แปงไจน่า แผลในปากมักจะปรากฏอยู่บริเวณ “ด้านหลังช่องคอ” เป็นหลักค่ะ เช่น บริเวณเพดานอ่อน (ส่วนที่นิ่มๆ ตรงเพดานปากด้านหลัง), ลิ้นไก่, ทอนซิล, หรือผนังคอด้านหลังค่ะ ลักษณะแผลจะเป็นตุ่มน้ำใสๆ เล็กๆ ที่พอแตกออกก็จะเป็นแผลตื้นๆ ขอบแดงๆ เจ็บแสบมากๆ เหมือนกันค่ะ
- ไม่มีผื่นที่มือและเท้า: อันนี้เป็นข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดเลยค่ะคุณแม่ ถ้าเป็นเฮอร์แปงไจน่า น้องจะไม่มีผื่นหรือตุ่มน้ำขึ้นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ก้น หรือข้อศอกเหมือนโรคมือเท้าปากค่ะ
ตารางเปรียบเทียบ: มือเท้าปาก vs เฮอร์แปงไจน่า vs ร้อนในทั่วไป
เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น เภสัชได้ทำตารางเปรียบเทียบง่ายๆ ให้คุณแม่ดูเลยค่ะ จะได้แยกแยะอาการเบื้องต้นของแต่ละโรคได้ชัดเจนขึ้นนะคะ
ลักษณะอาการ | โรคมือ เท้า ปาก (HFMD) | เฮอร์แปงไจน่า (Herpangina) | ร้อนในทั่วไป (Aphthous Ulcer) |
สาเหตุ | ไวรัสเอนเทอโรไวรัส (Coxsackievirus A16, EV71) | ไวรัสเอนเทอโรไวรัส (Coxsackievirus A, B) | ไม่ใช่การติดเชื้อ (อาจจากความเครียด, พักผ่อนน้อย, แพ้อาหาร, การบาดเจ็บ) |
ไข้ | มีไข้ (ต่ำถึงปานกลาง) | ไข้สูงเฉียบพลัน | ไม่มีไข้ |
อาการอื่นๆ | ซึม ไม่ร่าเริง ปวดเมื่อยตัว กลืนลำบาก | เจ็บคอมาก, คลื่นไส้, อาเจียน, ปวดท้อง, ปวดศีรษะ | ไม่มีอาการร่วมทางระบบ |
ตำแหน่งแผลในปาก | กระพุ้งแก้ม, ลิ้น, เหงือก, เพดานปาก (กระจายทั่วปาก) | ด้านหลังช่องคอ (เพดานอ่อน, ลิ้นไก่, ทอนซิล, ผนังคอด้านหลัง) | กระพุ้งแก้ม, ริมฝีปากด้านใน, ลิ้น, เหงือก (มักเป็นตำแหน่งเดิมๆ) |
ลักษณะแผล | ตุ่มแดง > ตุ่มน้ำใส > แผลตื้นๆ ขอบแดง (มักมีหลายจุด) | ตุ่มน้ำใส > แผลตื้นๆ ขอบแดง (จำนวน 1-10 จุด) | แผลหลุมตื้น, ขอบแดง, ตรงกลางสีขาว/เหลือง (1-2 จุด) |
ผื่นตามตัว | มี ผื่น/ตุ่มน้ำใสที่มือ เท้า ก้น ข้อศอก | ไม่มี ผื่นตามร่างกาย | ไม่มีผื่นตามร่างกาย |
กลุ่มอายุที่พบ | เด็กเล็กต่ำกว่า 5 ปี | เด็กเล็กถึงเด็กโต | ทุกวัย |
แล้วทำไมเราต้องแยกแยะโรคด้วยล่ะคุณแม่? (และเมื่อไหร่ที่ต้องรีบไปหาคุณหมอ!)
คุณแม่คะ แม้ว่าทั้งโรคมือเท้าปากและเฮอร์แปงไจน่าจะเกิดจากเชื้อไวรัส และส่วนใหญ่ก็มักจะหายได้เอง (Self-limiting) เหมือนกัน แต่การที่เรารู้ว่าลูกเป็นโรคไหน ก็มีประโยชน์ในการดูแลและวางแผนการรักษาได้ดียิ่งขึ้นค่ะ เช่น:
- ช่วยให้คุณแม่คลายความกังวล: พอรู้ว่าเป็นโรคอะไร ก็จะรู้แนวทางการดูแลและรู้ว่าอาการจะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่ต้องวิตกกังวลมากเกินไปค่ะ
- สังเกตอาการแทรกซ้อนได้ถูกจุด: แม้ส่วนใหญ่จะไม่อันตราย แต่บางสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ค่ะ เช่น ในโรคมือเท้าปาก สายพันธุ์ EV71 อาจส่งผลต่อสมองและหัวใจได้ หากเราทราบว่าเป็นโรคอะไร ก็จะเฝ้าระวังอาการที่ผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว
- วางแผนการป้องกันได้ดีขึ้น: การรู้ว่าโรคไหนแพร่ยังไง ก็ช่วยให้เราเน้นย้ำเรื่องสุขอนามัยและการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้อย่างเหมาะสม
สิ่งสำคัญที่สุดคือ “เมื่อไหร่ที่ต้องรีบไปหาคุณหมอ!”
คุณแม่ควรพาลูกไปพบคุณหมอทันที หากน้องมีอาการเหล่านี้ค่ะ:
- ไข้สูงมากติดต่อกันหลายวัน หรือไข้ไม่ลดลง
- เจ็บปากมากจนกินอะไรไม่ได้เลย ไม่ดื่มน้ำเลย
- มีสัญญาณของภาวะขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ตาโบ๋ ปัสสาวะน้อยลง หรือร้องไห้ไม่มีน้ำตา
- ซึมลงมาก ไม่เล่น ไม่ตอบสนอง งอแงผิดปกติ
- หายใจหอบถี่ หรือมีอาการชัก
- เด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน
ไม่ว่าจะมือเท้าปาก หรือเฮอร์แปงไจน่า…ดูแลแผลในปาก ให้ลูกกลับมากินได้คือหัวใจสำคัญ!
คุณแม่คะ! ไม่ว่าลูกเราจะเป็นโรคมือเท้าปากหรือเฮอร์แปงไจน่า สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองโรคมีเหมือนกันและทำให้คุณแม่ปวดหัวมากๆ ก็คือ “อาการเจ็บแผลในปากจนลูกกินไม่ได้” นี่แหละค่ะ การที่ลูกกินไม่ได้ ดื่มน้ำน้อย จะส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลง ภูมิตก และฟื้นตัวได้ช้าลงค่ะ
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นโรคไหน การดูแลและบรรเทาอาการเจ็บปวดที่ปาก เพื่อให้ลูกน้อยสามารถกินอาหารและดื่มน้ำได้ตามปกติ จึงเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลน้องป่วยในช่วงนี้เลยค่ะ
เภสัชขอแนะนำ “คู่หูดูแลลูกน้อย” ที่คุณแม่ควรมีติดบ้านไว้เลยค่ะ เพราะสองตัวนี้เขาทำงานร่วมกันแบบครบวงจร ทั้งดูแลอาการเจ็บแผลที่ปากโดยตรง และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันจากภายในสู่ภายนอกค่ะ
คุณแม่คะ! ตัวนี้แหละค่ะคือฮีโร่สำหรับอาการเจ็บแผลในปากทุกชนิดเลย! คุณแม่หลายท่านอาจจะกังวลเรื่องการใช้ยาชาหรือยาแก้ปวดในเด็กเล็กใช่ไหมคะ? สบายใจได้เลยค่ะ Eureko Mouth Spray เป็นเครื่องมือแพทย์ที่ “ปราศจากยาทุกชนิด” เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นยาชา ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด ยาสเตียรอยด์ หรือแม้แต่แอลกอฮอล์ จึงปลอดภัยมากๆ สำหรับเด็กน้อยค่ะ
Eureko Mouth Spray ทำงานยังไงนะ?
ส่วนผสมหลักคือ โพลีไวนิลไพโรลิโดน (Polyvinylpyrrolidone – PVP) ซึ่งเป็นสารที่พอฉีดเข้าไปในปากแล้ว จะสร้าง “ฟิล์มบางๆ ใสๆ” ไปเคลือบคลุมบริเวณแผลในช่องปากอย่างรวดเร็วค่ะ ฟิล์มตัวนี้เหมือน “เกราะป้องกัน” ที่:
- ปกป้องแผล: ไม่ให้แผลโดนอาหาร น้ำ หรือแม้แต่ลิ้นไปโดน ซึ่งช่วยลดการระคายเคือง
- ลดความเจ็บแสบ: ฟิล์มที่เคลือบไปจะช่วยป้องกันปลายประสาทที่อยู่ใต้แผล ไม่ให้ถูกกระตุ้นจากสิ่งภายนอก ทำให้ลูกรู้สึกเจ็บปวดลดลงได้ทันที
- ช่วยให้แผลชุ่มชื้น: รักษาความชุ่มชื้นรอบๆ แผล ลดอาการแห้งแสบ
พอแผลไม่ถูกรบกวน ลูกก็จะรู้สึกสบายปากขึ้นเยอะเลยค่ะคุณแม่ เขาก็จะสามารถพูดคุย ทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือกลืนน้ำลายได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ ที่สำคัญคือเขามี รสชาติหวานอ่อนๆ ไม่มีน้ำตาล มีกลิ่นพีช ที่เด็กส่วนใหญ่ชอบ ทำให้น้องสามารถใช้ได้ง่ายค่ะ
วิธีใช้ง่ายๆ ให้ลูกกลับมากินได้ไม่เจ็บ:
- กดพ่นสเปรย์ 3-5 ครั้ง ในช่องปากน้อง (ถ้าเห็นแผลชัดๆ พ่นเน้นที่แผลได้เลยค่ะ)
- ให้ลูกอมผลิตภัณฑ์ไว้ในปากประมาณ 30 วินาที ก่อนที่จะกลืน หรือบ้วนทิ้ง (กลืนได้นะคะคุณแม่ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ Food Grade ค่ะ) กรณีที่น้องเล็กๆ ไม่ได้อมไว้ในปาก ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ พ่นแล้วจะได้ฟิล์มเคลือบแผลได้แล้วค่ะ
- รอประมาณ 10-15 นาที ก่อนให้น้องทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพื่อให้ฟิล์มเคลือบแผลทำงานได้เต็มที่ค่ะ
ใช้ได้วันละ 3 ครั้ง หรือเมื่อไหร่ที่ลูกเจ็บจนกินไม่ได้ ก็พ่นเพิ่มได้เลยค่ะคุณแม่
คุณแม่คงเคยได้ยินคำว่า “ลำไส้คือสมองที่สอง” กันมาบ้างใช่ไหมคะ? เพราะว่าลำไส้ของเราเนี่ย สำคัญกับระบบภูมิคุ้มกันมากๆ เลยค่ะ! การดูแลแผลที่ปากอย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะโรคมือเท้าปากและเฮอร์แปงไจน่าเกิดจากเชื้อไวรัส การเสริมภูมิคุ้มกันจากภายในจึงสำคัญมากค่ะ
Eureko Fructo เป็นผลิตภัณฑ์อาหาร พรีไบโอติก FOS (Fructooligosaccharides) ชนิดน้ำที่ละลายน้ำได้ง่ายค่ะ ออกแบบมาเพื่อดูแลสุขภาพลำไส้และเสริมภูมิคุ้มกันของลูกน้อยโดยเฉพาะเลยค่ะ (ถ้าอยากรู้ว่าพรีไบโอติกคืออะไรและทำไมถึงสำคัญกับลูก เภสัชแนะนำให้อ่านบทความ พรีไบโอติกคืออะไรและทำงานอย่างไร: คู่มือสำหรับพ่อแม่ที่อยากให้ลูกรักมีสุขภาพดี เพิ่มเติมได้เลยนะคะ)
Eureko Fructo (พรีไบโอติก FOS) ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกยังไงนะ?
- อาหารของจุลินทรีย์ดี: เจ้า FOS นี่แหละค่ะคุณแม่ คืออาหารโปรดของแบคทีเรียดีๆ ในลำไส้ลูกของเรา เช่น Bifidobacteria และ Lactobacillus พอแบคทีเรียดีๆ ได้กินอาหารอร่อยๆ มันก็จะเติบโตและขยายจำนวนมากขึ้น ทำให้ลำไส้ของลูกมีสมดุลจุลินทรีย์ที่ดีขึ้นค่ะ
- สร้างเกราะป้องกันลำไส้: พอมีจุลินทรีย์ดีเยอะๆ พวกมันก็จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผนังลำไส้ลูกเราค่ะ ซึ่งผนังลำไส้ที่แข็งแรงนี่แหละคือด่านแรกและด่านสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันเลยนะคะ
- กระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยรวม: นักวิจัยหลายท่านยืนยันเลยค่ะว่า ลำไส้ที่แข็งแรงและมีสมดุลจุลินทรีย์ที่ดีเนี่ย มีผลโดยตรงกับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทั้งร่างกายเลยค่ะ ช่วยให้ร่างกายลูกสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสและฟื้นตัวจากอาการป่วยได้เร็วขึ้นค่ะ (เภสัชแนะนำให้อ่านเพิ่มเติมในบทความ พรีไบโอติก FOS ตัวช่วยภูมิคุ้มกัน: ทำไมลูกควรมีเมื่อโรคติดต่อทางเดินอาหารและหายใจระบาด? เพื่อข้อมูลเชิงลึกนะคะ)
ช่วงที่ลูกป่วยมือเท้าปากหรือเฮอร์แปงไจน่า Eureko Fructo จะเป็นตัวช่วยให้ลำไส้ยังทำงานได้ดีค่ะ ไม่เสี่ยงท้องผูกจากการที่ลูกกินได้น้อย แถมยังช่วยให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง พร้อมที่จะสู้กับเชื้อไวรัสได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ
เคล็ดลับดูแลลูกเมื่อมีแผลในปาก (ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร):
ไม่ว่าจะเป็นโรคมือ เท้า ปาก หรือเฮอร์แปงไจน่า หรือแผลในปากอื่นๆ สิ่งที่คุณแม่ควรทำเพื่อดูแลลูกน้อยคือ:
- ให้ลูกดื่มน้ำบ่อยๆ: จิบน้ำบ่อยๆ หรือดื่มน้ำหวาน นม หรือน้ำผลไม้เย็นๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- ให้อาหารอ่อน ย่อยง่าย: เน้นอาหารที่กลืนง่าย ไม่ต้องเคี้ยวมาก เช่น โจ๊กอุ่นๆ, ซุป, โยเกิร์ต, ไอศกรีม, กล้วยบด หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เปรี้ยว เผ็ด หรืออาหารแข็งที่อาจระคายเคืองแผล
- ให้ลูกพักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว
- รักษาความสะอาด: ล้างมือลูกและผู้ดูแลให้สะอาดบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ โดยเฉพาะหลังขับถ่ายและก่อนกินอาหาร ทำความสะอาดของเล่นและพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
- ใช้ Eureko Mouth Spray และ Eureko Fructo ตามคำแนะนำ: เพื่อบรรเทาอาการและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
สรุป: ไม่ว่าจะมือเท้าปากหรือเฮอร์แปงไจน่า…คุณแม่ก็รับมือได้!
คุณแม่คะ! การรู้ความแตกต่างระหว่างโรคมือเท้าปากและเฮอร์แปงไจน่าเป็นสิ่งที่ดี เพื่อให้เราเฝ้าระวังและเข้าใจอาการได้ถูกต้อง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่คุณแม่สามารถดูแลลูกน้อยได้อย่างใกล้ชิด ใส่ใจ และมีตัวช่วยที่ดีพร้อมอยู่เคียงข้าง
ไม่ว่าลูกน้อยของคุณจะเผชิญกับไวรัสตัวไหน ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บแผลในปากจนกินไม่ได้ การบรรเทาความเจ็บปวดเพื่อให้เขากลับมาทานอาหารได้ตามปกติ คือหัวใจสำคัญของการดูแล และการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันจากภายในก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ลูกรักฟื้นตัวได้เร็วและแข็งแรงยิ่งขึ้นค่ะ
ดูแลครบวงจร ทั้งบรรเทาอาการเจ็บปากให้ลูกกินได้ และเสริมภูมิคุ้มกันจากภายในสู่ภายนอก ด้วยคู่หูที่พ่อแม่ยุคใหม่ควรมีติดบ้าน 👉 Eureko Mouth Spray + Prebiotic Eureko Fructo รับรองว่าลูกน้อยของคุณจะเจ็บน้อยลง กินได้มากขึ้น และมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงพร้อมสู้กับเชื้อโรคต่างๆ อย่างแน่นอนค่ะ!
ดูแลครบวงจร ปาก ลำไส้ ภูมิของลูกน้อย!
คู่หูดูแลลูกมือเท้าปาก 👉 Eureko Mouth Spray + Prebiotic Eureko Fructo
📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่:
- โทร: 065-2054689
💬 เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา ฟรี! แอด LINE: @genkihouses
#มือเท้าปาก #ลูกไม่ยอมกินข้าว #แผลในปากเด็ก #โรคมือเท้าปาก #EurekoMouthSpray #EurekoFructo #พรีไบโอติก #ภูมิคุ้มกันเด็ก #สุขภาพเด็ก #เภสัชแม่และเด็ก #Genkihouse