มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยในผู้หญิงทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่พบมากในเพศหญิง เป็นอันดับหนึ่งของโรคมะเร็งทั้งหมด คิดเป็น 28.8 ต่อประชากรหญิง 100,000 คน แม้ สาเหตุการเกิดมะเร็งเต้านม ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน แต่ปัจจัยเสี่ยงหลักๆ ที่ เพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งเต้านม ได้แก่ พันธุกรรม, อายุที่มากขึ้น, การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน, การมีประจำเดือนตั้งแต่อายุน้อย, การหมดประจำเดือนในวัยสูงอายุ, การรับฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือฮอร์โมนทดแทน และ วิถีการดำเนินชีวิต เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และ การขาดการออกกำลังกาย
แม้จะเป็นโรคร้าย แต่หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ก็มีโอกาสหายขาดได้สูง การดูแลตัวเอง ทั้ง ร่างกาย และ จิตใจ รวมถึงการเลือกรับประทานอาหาร และ อาหารเสริมที่เหมาะสมล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี และ มีพลังในการต่อสู้กับโรคร้าย
มะเร็งเต้านม: รู้จัก เข้าใจ ป้องกัน
มะเร็งเต้านม เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ในเต้านมซึ่งอาจลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
อาการบ่งชี้ของมะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรกมักไม่แสดงอาการชัดเจน แต่อาการที่สังเกตได้และอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรค ได้แก่:
- การพบก้อนแข็งที่เต้านมหรือรักแร้ที่ไม่เจ็บเมื่อสัมผัส
- การเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือขนาดของเต้านม
- การมีน้ำเหลืองหรือเลือดออกจากหัวนมโดยไม่มีสาเหตุ
- การเปลี่ยนแปลงลักษณะผิวหนังบริเวณเต้านม เช่น รอยย่น รอยบุ๋ม หรือผิวหนังที่ดูคล้ายผิวส้ม
- การเจ็บปวดหรืออาการไม่สบายที่เต้านมหรือรักแร้
การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม: รู้เร็ว รักษาหาย
การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม เป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ ช่วยให้ ตรวจพบ มะเร็ง ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น แม้ จะยังไม่มีอาการ ซึ่ง เพิ่มโอกาส ในการรักษาหายขาด ได้ อย่างมาก
ใครบ้าง ที่ ควรตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม?
- ผู้หญิงทุกคน ที่ มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควร ตรวจ แมมโมแกรม ทุก 1-2 ปี
- ผู้หญิง ที่ มีปัจจัยเสี่ยง เช่น
- มีประวัติครอบครัว เป็นมะเร็งเต้านม
- มี การกลายพันธุ์ ของยีน ที่ เพิ่มความเสี่ยง เช่น BRCA1, BRCA2
- ได้รับ รังสี บริเวณ หน้าอก ในวัยเด็ก
- ผู้ที่คลำพบก้อน ที่ เต้านม หรือ มีอาการผิดปกติ เช่น หัวนมยุบ มี น้ำ หรือ เลือด ไหล ออกจากหัวนม
วิธีการตรวจคัดกรอง มะเร็งเต้านม
- การตรวจเต้านมด้วยตนเอง (Breast Self-Examination): เป็นการตรวจคลำเต้านมด้วยตนเองเพื่อหาก้อนที่ ผิดปกติ ควรทำเป็นประจำ
- การตรวจเต้านมโดยแพทย์ (Clinical Breast Examination): แพทย์จะทำการตรวจคลำเต้านมเพื่อหาก้อนที่ ผิดปกติ
- การตรวจด้วยแมมโมแกรม (Mammogram): เป็นการเอกซเรย์เต้านมโดยใช้รังสีปริมาณน้อย เพื่อสร้างภาพของ เนื้อเยื่อเต้านม เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการตรวจพบมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น
- อัลตราซาวนด์ (Ultrasound): ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงสร้างภาพของเนื้อเยื่อเต้านม ช่วยแยกความแตกต่าง ระหว่าง ถุงน้ำ และ ก้อนเนื้อ
- การตรวจด้วย MRI (Magnetic Resonance Imaging): ใช้ สนามแม่เหล็ก และ คลื่นวิทยุสร้างภาพละเอียดของ เต้านม มักใช้ในกรณีที่ต้องการตรวจสอบเพิ่มเติมจากแมมโมแกรม หรือ อัลตราซาวนด์ หรือสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
ข้อแตกต่าง ของ แต่ละวิธี
วิธีการตรวจ | ข้อดี | ข้อจำกัด | ใครควรตรวจ |
ตรวจเต้านมด้วยตนเอง | ทำได้ง่าย สะดวก ไม่เสียค่าใช้จ่าย | อาจคลำไม่พบก้อนที่มีขนาดเล็ก | ผู้หญิงทุกคน |
ตรวจเต้านมโดยแพทย์ | แพทย์มีความเชี่ยวชาญ ในการ ตรวจ | อาจคลำไม่พบก้อนที่มีขนาดเล็ก | ผู้หญิง ที่ มีความเสี่ยง หรือ คลำพบก้อน |
แมมโมแกรม | ตรวจพบมะเร็งระยะเริ่มต้น ได้ แม่นยำ | อาจทำให้รู้สึกเจ็บหรือไม่สบาย เล็กน้อย | ผู้หญิง อายุ 40 ปีขึ้นไป |
อัลตราซาวนด์ | ไม่ใช้รังสีปลอดภัย สำหรับ สตรีมีครรภ์ | ความแม่นยำ น้อยกว่าแมมโมแกรม | ตรวจร่วมกับ แมมโมแกรม หรือ เมื่อ คลำพบก้อน |
MRI | ให้ภาพละเอียดมาก | มีราคาแพง | ผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูง หรือ ตรวจพบความผิดปกติจากแมมโมแกรม หรือ อัลตราซาวนด์ |
การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม เป็น การลงทุน ที่ คุ้มค่า เพื่อสุขภาพ ของผู้หญิง ทุกคน การตรวจพบ มะเร็ง แต่ เนิ่นๆ ช่วย เพิ่มโอกาส ในการรักษาหายขาด และ ลด ความรุนแรง ของ โรค ได้
โภชนาการบำบัด: เสริม ภูมิคุ้มกัน สู้ มะเร็งเต้านม
ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมควรให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อลดผลข้างเคียงจากการรักษา เช่น การผ่าตัด, เคมีบำบัด, รังสีรักษา หรือการใช้ยามุ่งเป้า โภชนาการที่ดีจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ฟื้นฟูร่างกาย และช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
สารอาหารสำคัญที่ผู้ป่วยควรได้รับ ได้แก่:
- โปรตีน: ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจากการรักษา แหล่งโปรตีนที่แนะนำได้แก่ เนื้อปลา, ไก่, ไข่, นม และถั่ว ซึ่งโปรตีนเหล่านี้ย่อยง่ายและไม่ทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานมากในการย่อย
- คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน: ข้าวกล้อง, ขนมปังโฮลวีต และมันเทศ เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ให้พลังงานต่อเนื่องและช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
- ไขมันดี: น้ำมันมะกอก, อะโวคาโด และปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน เป็นแหล่งไขมันดีที่ช่วยลดการอักเสบและเสริมการทำงานของเซลล์
- วิตามินและแร่ธาตุ: วิตามินซี, วิตามินอี, สังกะสี และซีลีเนียม มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเพื่อต่อสู้กับโรค
อาหารที่ควรกิน:
- ผัก และ ผลไม้: เช่น ผักใบเขียวทุกชนิด (แต่ให้ต้มให้สุก อย่ากินผักดิบ) ส่วนผลไม้เน้นกินผลไม้เปลือกหนา เช่น แตงโม มะละกอ ส้ม มะม่วง (ห้ามกินผลไม้เปลือกบาง เช่น องุ่น เชอรี่ ฝรั่ง ชมพู่ เป็นต้น) โดยผักและผลไม้มีประโยชน์มีทั้ง วิตามิน แร่ธาตุ และ สารต้านอนุมูลอิสระ และเพิ่มใยอาหารได้
- ธัญพืช: เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ควินัว เป็นแหล่ง คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และ ใยอาหาร
- โปรตีน: เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ นม ถั่ว เต้าหู้ เน้นแบบ ต้ม นึ่ง ตุ๋น เพราะนุ่ม ย่อยง่าย
- ไขมันดี: เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่ว ปลาทะเล
อาหารที่ต้องเลี่ยง:
- อาหารแปรรูป: เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน
- อาหาร ที่ มีน้ำตาลสูง: เช่น น้ำอัดลม ขนมหวาน
- อาหารที่ไม่สุก อาหารดิบทุกชนิด ผลไม้เปลือกบางทุกชนิด
- แอลกอฮอล์
- นมเปรี้ยว โยเกริ์ต เพราะมีแบคทีเรียตัวดี ตอนนี้ภูมิคุ้มกันต่ำ ต้องห้ามกินอาหารเหล่านี้
การจัดการกับแผลในปากที่เกิดจากการรักษา
มะเร็งเต้านมมีโอกาสเกิด mucositis หรือแผลในช่องปากได้ โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยได้รับ เคมีบำบัด (chemotherapy) หรือ รังสีบำบัด (radiotherapy) เนื่องจากการรักษาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อเซลล์ที่มีการแบ่งตัวรวดเร็ว เช่น เยื่อบุช่องปาก อย่างไรก็ตาม โอกาสเกิด mucositis ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมักจะขึ้นอยู่กับประเภทของยาเคมีบำบัดหรือระดับของรังสีที่ใช้ รวมถึงปัจจัยส่วนบุคคลอื่นๆ ของผู้ป่วยเอง เช่น ภาวะโภชนาการและสุขภาพช่องปาก
ยาเคมีบำบัดบางชนิด ที่ใช้รักษามะเร็งเต้านม เช่น 5-fluorouracil (5-FU), methotrexate, และ doxorubicin มีความเสี่ยงสูงในการทำให้เกิด mucositis ได้ แต่ไม่ใช่ว่าผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทุกคนจะพบอาการนี้ เนื่องจากยาและขนาดที่ใช้รักษาจะแตกต่างกันไปตามแผนการรักษาของแต่ละบุคคล
ดังนั้น ถึงแม้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมจะมีโอกาสเกิด mucositis ได้ แต่ความรุนแรงและโอกาสจะน้อยกว่าในผู้ป่วยที่รับเคมีบำบัดชนิดแรง หรือในผู้ป่วยมะเร็งบางประเภทที่เยื่อบุภายในได้รับผลกระทบมากกว่า เช่น มะเร็งศีรษะและลำคอ
ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับเคมีบำบัดอาจพบปัญหาแผลในช่องปาก ซึ่งทำให้รับประทานอาหารได้ยาก การใช้ PVP Gel ช่วยเคลือบแผลในปาก ลดการเสียดสีจากอาหารและเครื่องดื่ม ทำให้ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้อย่างสบายใจขึ้น
ประโยชน์ของ PVP Gel ได้แก่:
- บรรเทาอาการเจ็บปวดในช่องปาก: ช่วยลดความเจ็บปวดได้อย่างรวดเร็วและทำให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น
- สร้างฟิล์มปกป้องแผล: ช่วยรักษาความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ และเร่งการสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
- ลดโอกาสการติดเชื้อซ้ำ: ด้วยการเคลือบป้องกันแบคทีเรียและสิ่งสกปรกในช่องปาก จึงลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเพิ่มเติม
Immunex FOS: เสริมภูมิคุ้มกัน ระบบขับถ่าย โดยไม่รบกวนการรักษา
Immunex FOS เป็น พรีไบโอติก ที่ มีส่วนประกอบ ของ FOS (Fructooligosaccharides) ซึ่งเป็น ใยอาหาร ชนิดละลายน้ำ ที่ ช่วย ส่งเสริม การเจริญเติบโต ของ จุลินทรีย์ ที่ดี ใน ลำไส้ (probiotics) ผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัดมักเผชิญกับปัญหาท้องผูกเนื่องจากการรับประทานอาหารน้อยลงและการหลีกเลี่ยงอาหารสดบางชนิด Immunex FOS ซึ่งเป็นพรีไบโอติกส์จะช่วยปรับสมดุลในลำไส้ ลดอาการท้องผูกได้โดยไม่รบกวนกระบวนการรักษามะเร็ง
พรีไบโอติกส์ต่างจากโปรไบโอติกส์อย่างไร?
- พรีไบโอติกส์ (เช่น FOS หรือ Fructooligosaccharides): เป็นเส้นใยอาหารที่ช่วยเลี้ยงแบคทีเรียตัวดีในลำไส้ ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการทำงานของแบคทีเรียตัวดีที่มีอยู่ในลำไส้ตามธรรมชาติ โดยไม่ใช่การเติมแบคทีเรียจากภายนอก เป็นการช่วยส่งเสริมการขับถ่ายได้อย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัยโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันลดลง
- โปรไบโอติกส์: เป็นแบคทีเรียตัวดีที่เติมเข้าสู่ร่างกายจากภายนอก เช่น ผ่านผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยว ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในช่วงให้เคมีบำบัด เนื่องจากภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยอยู่ในระดับที่อ่อนแอ การทานโปรไบโอติกส์อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำซ้อนได้
ประโยชน์ของ Immunex FOS
- เสริมการขับถ่ายและปรับสมดุลลำไส้: Immunex FOS เป็นพรีไบโอติกส์ที่ช่วยเพิ่มปริมาณแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ซึ่งช่วยเสริมกระบวนการขับถ่ายและลดอาการท้องผูก
- ลดความจำเป็นในการใช้ยาระบาย: ด้วยคุณสมบัติในการเพิ่มปริมาณไฟเบอร์และปรับสมดุลในลำไส้ Immunex FOS ช่วยลดการใช้ยาระบายที่อาจทำให้ร่างกายเสียสมดุลไปได้
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: จุลินทรีย์ ที่ดี ใน ลำไส้ มีบทบาทสำคัญ ใน ระบบภูมิคุ้มกัน FOS ช่วย ส่งเสริม การทำงาน ของ ระบบภูมิคุ้มกัน
- ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยเคมีบำบัด: เนื่องจาก Immunex FOS ทำงานโดยการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมในลำไส้ที่ดีต่อแบคทีเรียตัวดีที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่การเพิ่มแบคทีเรียใหม่ๆ จึงปลอดภัยและเหมาะสำหรับการสนับสนุนสุขภาพลำไส้ในผู้ป่วยที่ต้องการการฟื้นฟู
การเลือกใช้พรีไบโอติกส์แทนโปรไบโอติกส์เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมในระหว่างการรักษามะเร็ง ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรักษาสุขภาพลำไส้และการขับถ่ายได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มเติม
สรุป
มะเร็งเต้านมอาจเป็นภัยร้ายที่สร้างความท้าทายให้กับผู้ป่วย แต่ด้วยการดูแลเรื่องโภชนาการอย่างถูกต้องและการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมที่เหมาะสม เช่น PVP Gel และ Immunex FOS ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูร่างกายและเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้ อีกทั้งการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมอย่างสม่ำเสมอและการใช้ชีวิตที่มีสุขอนามัยดีก็จะช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างมีคุณภาพ และพร้อมต่อสู้กับโรคนี้อย่างเข้มแข็ง
💡 สนใจสั่งซื้อ PVP Gel และ immunes FOS หรือสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติมได้ที่ LINE @genkihouses
📖 ดาวน์โหลดฟรี E-Book สู้มะเร็งไปด้วยกัน https://online.fliphtml5.com/djqxd/obbe/
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.genkihouses.com