โรคมือเท้าปากเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย โรคนี้มักแพร่กระจายในสถานที่ที่เด็กอยู่รวมกัน เช่น โรงเรียนอนุบาลหรือสถานรับเลี้ยงเด็ก แม้โรคมือเท้าปากจะไม่รุนแรงในกรณีส่วนใหญ่ แต่ก็สร้างความไม่สบายใจให้กับพ่อแม่ไม่น้อย
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจโรคมือเท้าปากมากขึ้น พร้อมแนะนำวิธีดูแลลูกน้อยและป้องกันการติดเชื้อซ้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
โรคมือเท้าปากคืออะไร?
โรคมือเท้าปากเป็นโรคติดเชื้อไวรัสในกลุ่ม เอนเทอโรไวรัส ที่พบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี สายพันธุ์ที่พบบ่อย ได้แก่
- Coxsackievirus A16
- Enterovirus 71 (EV71)
เชื้อไวรัสเหล่านี้สามารถแพร่กระจายได้ง่ายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก หรือของเหลวจากตุ่มแผล
อาการของโรคมือเท้าปาก
อาการของโรคนี้แตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่ที่พบบ่อย ได้แก่:
- ไข้: อาการแรกเริ่มที่มักพบ อุณหภูมิอาจสูงและทำให้เด็กรู้สึกอ่อนเพลีย
- แผลในปาก: แผลเล็กๆ ที่มีลักษณะเจ็บ มักพบในบริเวณลิ้น เหงือก หรือด้านในของแก้ม
- ตุ่มน้ำหรือผื่น: มักปรากฏที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และอาจพบที่สะโพกหรือก้น ตุ่มเหล่านี้มักเจ็บเมื่อสัมผัส
- น้ำลายไหลมากกว่าปกติ: เกิดจากแผลในปากที่ทำให้เด็กไม่อยากกลืนน้ำลาย
- อาการอื่นๆ: อาจมีอาการไอ เจ็บคอ หรือปวดเมื่อยตามตัว
การดูแลลูกน้อยที่ป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก
หากลูกได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมือเท้าปาก สิ่งสำคัญคือการดูแลที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น:
1. ให้ลูกพักผ่อนอย่างเพียงพอ
การหยุดเรียนและให้ลูกพักผ่อนที่บ้านเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปยังเด็กคนอื่น
2. เสิร์ฟอาหารที่นุ่มและย่อยง่าย
เนื่องจากแผลในปากทำให้เด็กเจ็บเมื่อเคี้ยวหรือกลืนอาหาร ควรเลือกอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือซุป หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรือร้อนเกินไป
3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ป้องกันภาวะขาดน้ำโดยให้ลูกดื่มน้ำเย็น น้ำผลไม้ หรือไอศกรีม น้ำเย็นช่วยลดความเจ็บปวดในปาก
4. บรรเทาอาการด้วยยา
หากลูกมีไข้หรืออาการปวด สามารถให้พาราเซตามอลตามคำแนะนำของแพทย์
5. ดูแลแผลในปาก
ใช้สเปรย์บรรเทาอาการเจ็บปาก เช่น Eureko Mouth Spray ที่ช่วยเคลือบแผลในปาก ลดความเจ็บ และทำให้เด็กสามารถรับประทานอาหารได้สะดวกขึ้น
ต้องพาลูกไปพบแพทย์เมื่อไหร่?
ในกรณีส่วนใหญ่ โรคมือเท้าปากจะหายได้เองภายใน 7-10 วัน แต่หากลูกมีอาการดังต่อไปนี้ ควรพาไปพบแพทย์ทันที:
- ไข้สูงนานเกิน 3 วัน
- ดื่มน้ำไม่ได้ หรือมีอาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย
- อาการซึมลงผิดปกติ
- อาเจียนบ่อย หรือมีอาการชัก
การป้องกันโรคมือเท้าปาก
แม้โรคมือเท้าปากจะหายได้เอง แต่การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อหรือกลับมาติดซ้ำเป็นสิ่งที่สำคัญ:
1. ล้างมืออย่างถูกวิธี
สอนลูกให้ล้างมือก่อนกินอาหาร หลังจากเข้าห้องน้ำ หรือเล่นของเล่น ใช้สบู่และน้ำสะอาด หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
2. ทำความสะอาดของเล่นและพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย
ล้างของเล่น ช้อนส้อม และสิ่งของส่วนตัวของลูกด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อน
3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
หากมีคนในครอบครัวหรือโรงเรียนป่วย ควรแยกเด็กออกจากผู้ป่วยและหมั่นล้างมือบ่อยๆ
4. สอนลูกเรื่องสุขอนามัย
เน้นย้ำให้ลูกปิดปากเมื่อไอหรือจาม และหลีกเลี่ยงการเอามือเข้าปาก
5. พิจารณาการฉีดวัคซีน
ในบางประเทศ มีวัคซีนสำหรับเชื้อ EV71 ซึ่งช่วยลดความรุนแรงของโรคและป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้
ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวัง
แม้โรคมือเท้าปากส่วนใหญ่จะไม่รุนแรง แต่ในบางกรณีอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น:
- ภาวะขาดน้ำ: จากการที่เด็กไม่ยอมดื่มน้ำหรือกินอาหาร
- สมองอักเสบ: เป็นภาวะที่พบได้ในกรณีที่ติดเชื้อ EV71 และอาจนำไปสู่อันตรายถึงชีวิต
การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและรีบพาลูกไปพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้
ข้อสรุป
โรคมือเท้าปากอาจดูเป็นโรคธรรมดา แต่การดูแลลูกอย่างถูกวิธีและการป้องกันเชื้อไวรัสจะช่วยให้เด็กปลอดภัยและฟื้นตัวได้เร็ว สิ่งสำคัญคือการรักษาความสะอาดในบ้าน สอนลูกให้มีสุขอนามัยที่ดี และหมั่นสังเกตอาการ หากมีอาการรุนแรงควรรีบปรึกษาแพทย์
ด้วยการดูแลเอาใจใส่และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความเจ็บปวด เช่น Eureko Mouth Spray คุณจะช่วยให้ลูกน้อยผ่านช่วงเวลาที่ไม่สบายนี้ไปได้อย่างราบรื่น
📍 Eureko Mouth Spray วางจำหน่ายแล้ววันนี้
สอบถามหรือสั่งซื้อได้ที่ Line: @genkihouses