บทนำ
เมื่อนึกถึง “โรคมือเท้าปาก” หลายคนอาจเข้าใจว่าเกิดกับ “เด็กเล็กต่ำกว่า 5 ขวบ” เป็นหลัก ซึ่งก็ถูกต้องในระดับหนึ่ง เพราะตามรายงาน (สมมุติ) จากกรมควบคุมโรค พบราว 80% ของผู้ป่วยมือเท้าปาก อยู่ในกลุ่มอายุต่ำกว่า 5 ปี แต่ อีก 20% ก็พบในเด็กวัยอนุบาล-ประถม (6-10 ขวบ) ได้เช่นกัน
บทความนี้จะชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจ “อาการมือเท้าปากในเด็กโต” ว่าแตกต่างจากเด็กเล็กหรือไม่ และควรดูแลอย่างไรให้เหมาะสม รวมถึงการใช้ Eureko Mouth Spray กับ Eureko Fructo หากลูกมีแผลในปากหรือระบบขับถ่ายแปรปรวน เพื่อให้เด็กโตสามารถฟื้นตัวจากโรคได้รวดเร็ว และไม่กระทบการเรียนค่ะ
1) เด็กโต (6-10 ขวบ) เป็นมือเท้าปากได้อย่างไร?
1.1 ระบบภูมิคุ้มกันยังไม่เคยเจอไวรัส
- แม้เด็กวัยนี้จะมีภูมิต้านทานมากกว่าเด็กเล็ก แต่ถ้าไม่เคยติดเชื้อ หรือไม่ได้รับการป้องกันที่ดี ก็ยังมีโอกาสติดมือเท้าปากได้
- ห้องเรียนที่มีเด็กหลายวัย หรือเด็กอนุบาลปะปน ประกอบกับของเล่นที่ใช้ร่วมกัน อาจทำให้เด็กโตติดเชื้อจากเด็กเล็ก
1.2 พฤติกรรม “ไม่ระวัง”
- เด็กวัยประถมยังอาจมีช่วงเวลาที่เล่นกันแบบสัมผัสใกล้ชิด แบ่งขนมหรือขวดน้ำกันดื่ม
- หากไม่ได้ล้างมือสม่ำเสมอ หรือจับหน้า/ปากบ่อย ก็เพิ่มความเสี่ยง
2) อาการที่ต่างหรือคล้าย?
2.1 ความรุนแรงของแผลในปาก
- ในเด็กเล็ก แผลในปากเพียงไม่กี่จุดก็ทำให้ร้องโยเยอย่างหนัก แต่เด็กโตอาจทนได้มากกว่า แต่ก็ยังเจ็บพอสมควร
- แผลยังเกิดได้บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และบางครั้งตามหัวเข่าหรือก้น
2.2 ไข้และอาการทั่วไป
- เด็กโตหลายคนอาจมีไข้ไม่สูงมาก (37.5-38°C) เท่าเด็กเล็ก แต่บางรายก็ไข้สูงได้ถึง 39°C
- บ่นปวดเมื่อยหรือเบื่ออาหารบ้าง แต่ยังช่วยเหลือตัวเองได้ เช่น ดื่มน้ำเอง เช็ดตัวเอง
2.3 ระยะฟื้นตัวอาจเร็วกว่า
- ถ้าเด็กโตมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว อาจหายไวใน 5-7 วัน
- แต่ยังคงมีโอกาสแพร่เชื้อได้ในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังอาการดีขึ้น จึงต้องระวังไม่แพร่เชื้อ
(ดูข้อมูลภาครวมของโรคมือเท้าปากได้ที่ ลูกเป็นมือเท้าปาก! ทำยังไงดี? วิธีดูแล + ตัวช่วยลดเจ็บปากแบบเห็นผล)
3) วิธีดูแลเด็กโตเมื่อติดมือเท้าปาก
3.1 ประเมินความรุนแรง
- วัดไข้ หากไม่สูงมาก (ไม่เกิน 38.5°C) เด็กสามารถพักผ่อนที่บ้านได้
- ถ้าไข้สูงเกิน 39°C หรือเด็กซึมมาก กินไม่ได้เลย ควรปรึกษาแพทย์
3.2 ให้เด็กเข้าใจโรคและวิธีป้องกัน
- อธิบายว่าเป็นโรคไวรัส ติดต่อได้ง่ายผ่านน้ำลาย น้ำมูก หรือสิ่งปนเปื้อน
- สอนให้ล้างมือบ่อย ๆ แม้จะป่วยแล้วก็ตาม เพื่อไม่แพร่เชื้อในบ้าน
3.3 เน้นอาหารอ่อนและเย็น
- เด็กโตอาจเลือกอาหารเองได้บ้าง ควรให้ของเย็นชื่นใจ หรืออาหารนิ่ม เช่น โยเกิร์ต, โจ๊ก, ซุปผัก
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
3.4 ใช้ Eureko Mouth Spray ลดแผลปากเจ็บ
- ถ้าเด็กบ่นว่าเจ็บปากจนไม่อยากกินข้าว ให้ลองพ่น Eureko Mouth Spray ก่อนมื้ออาหาร 10-15 นาที
- ฟิล์มโพลีเมอร์เคลือบแผล ช่วยลดการระคายเคือง ทำให้กินได้มากขึ้น
3.5 เสริม Eureko Fructo พรีไบโอติก
- เด็กบางคนไม่กินผัก ผลไม้ช่วงป่วย อาจท้องผูก พรีไบโอติกช่วยปรับสมดุลลำไส้
- ผสมครึ่งซองหรือตามปริมาณเหมาะสมในน้ำผลไม้หรือนมที่เด็กชอบ
3.6 พักจากโรงเรียน
- หากมีไข้สูงหรือแผลเยอะ ควรให้หยุดเรียนอย่างน้อย 3-5 วัน หรือจนกว่าอาการดีขึ้น
- ป้องกันการแพร่เชื้อแก่เพื่อน ๆ ในห้อง
4) กรณีศึกษา “น้องเคน อายุ 8 ขวบ”
- อาการ: มีไข้ 38.2°C ปวดหัวเล็กน้อย พบตุ่มน้ำที่ฝ่ามือ 2-3 จุด และแผลในปากด้านข้างลิ้น ทำให้ไม่ค่อยอยากกินข้าว
- การดูแล:
- เช็ดตัวลดไข้, ให้พาราเซตามอลเมื่อไข้เกิน 38.5°C
- พ่น Eureko Mouth Spray ก่อนกินข้าวกลางวัน-เย็น และก่อนนอน ลดเจ็บแผล
- ดื่มน้ำผสม Eureko Fructo วันละ 1 ซอง เสริมใยอาหาร
- หยุดเรียน 3 วัน คุณครูจัดงานส่งทางออนไลน์ให้น้องทำที่บ้าน
- ผลลัพธ์: ไข้ลดในวันที่ 2 น้องกินข้าวได้ดีขึ้นเพราะไม่เจ็บปาก อาการหายใน 1 สัปดาห์เต็ม
(เทียบกับ “ทำไมลูกเจ็บปากน้ำลายยืดไม่หยุด?” สำหรับกรณีเด็กเล็กที่น้ำลายไหลตลอด ซึ่งเด็กโตมักควบคุมได้ดีกว่า)
5) ข้อดีของการสื่อสารกับเด็กโต
- เด็กวัย 6-10 ขวบเข้าใจเหตุผลว่า “ต้องล้างมือก่อนกินข้าว” และ “อย่าเอามือเข้าปาก” ได้ดีกว่าเด็กเล็ก
- อธิบายผลดีของการใช้ Eureko Mouth Spray ให้ลูกว่า “ช่วยลดเจ็บปาก จะได้กินข้าวได้ สอบไม่พลาด” เด็กก็ให้ความร่วมมือมากขึ้น
- หากต้องหยุดเรียน บางครั้งเด็กโตเรียนออนไลน์ ทำให้ไม่พลาดเนื้อหามากนัก
-
- หากผู้ปกครองสงสัยว่าถ้าลูกเป็นเด็กโตจะติดมือเท้าปากจากเด็กเล็กในห้องเรียนได้อย่างไร อ่าน “ดูแลสุขอนามัยช่วงระบาด…”
- ถ้าลูกเป็นช่วงวัยประถมปลายหรือมัธยมแล้ว อยากรู้ว่าผู้ใหญ่หรือนักเรียนโต ๆ เป็นได้ไหม ดู “มือเท้าปากในผู้ใหญ่: เป็นได้ไหม?”
ดูข้อมูลภาพรวมมือเท้าปากทุกแง่มุมได้ใน ลูกเป็นมือเท้าปาก! ทำยังไงดี? วิธีดูแล + ตัวช่วยลดเจ็บปากแบบเห็นผล
สรุป
แม้ “เด็กโต (6-10 ขวบ)” จะไม่ใช่กลุ่มอายุที่พบบ่อยที่สุดสำหรับมือเท้าปาก (เมื่อเทียบกับเด็กต่ำกว่า 5 ขวบ) แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ โดยเฉพาะถ้าสัมผัสสารคัดหลั่งหรือเล่นใกล้ชิดกับเด็กเล็กที่กำลังป่วย อาการอาจไม่รุนแรงเท่าเด็กเล็ก แต่ก็ยังมีแผลในปากและไข้ที่สร้างความไม่สบายตัวได้เช่นกัน
การดูแลเด็กโตสามารถเน้นที่การ “อธิบายให้เข้าใจ” ถึงความสำคัญของการล้างมือ ปิดปากเวลาไอจาม หยุดเรียนเมื่อป่วย และการใช้ Eureko Mouth Spray เพื่อลดแผลปากเจ็บ นอกจากนี้ การเสริม Eureko Fructo พรีไบโอติก จะช่วยให้ระบบขับถ่ายและภูมิคุ้มกันแข็งแรง ช่วยให้เด็กหายป่วยเร็วขึ้นและกลับไปใช้ชีวิตในโรงเรียนได้ปกติในเวลาไม่นานค่ะ



