อาการท้องผูก เป็นภาวะที่ลูกถ่ายอุจจาระก้อนแข็ง แห้ง ๆ ผิวขรุขระ หรือถ่ายออกมาเป็นเหมือนเม็ดกระสุนเล็ก ๆ สีคล้ำ ลูกน้อยมีอาการเจ็บก้นเวลาถ่าย ถ่ายออกมาไม่สุด รู้สึกอึดอัดแน่นท้อง หรือหลาย ๆ วันถ่ายที บางครั้งต้องไปพบแพทย์ เพื่อให้แคะก้อนอุจจาระออกมา
อาการท้องผูกเกิดได้กับเด็กทุกวัยตั้งแต่ทารก จนถึงเด็กโต ในเด็กเล็กน้องสื่อสารไม่ได้ คุณแม่จะทราบได้เมื่อดูจากลักษณะอุจจาระที่ถ่ายออกมา หรือน้องร้องกวนมาก ถ้าให้คนเลี้ยงน้องดู คุณแม่ก็อย่าลืมสอบถามจากพี่เลี้ยงด้วยนะคะ
แต่ถ้าเป็นเด็กโตคุณแม่จะดูจากลักษณะอุจจาระตอนถ่าย หรือจากการสอบถามจากเด็กเวลาที่เข้าห้องน้ำ ซึ่งการถามลักษณะอุจจาระเป็นประจำจะช่วยในการประเมินภาวะท้องผูกได้เป็นอย่างดีนะคะ อยากแนะนำให้คุณแม่คอยถามน้องเสมอ ยิ่งไปโรงเรียนก็ยิ่งต้องถามนะคะ เพราะหลายคนจะไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำเวลาไปโรงเรียน และจะอั้นจนเกิดภาวะท้องผูก
ปัจจัยที่เป็นสาเหตุของอาการท้องผูกมีหลายสาเหตุ ที่พบบ่อย มักเกิดจากการทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะการทานอาหารที่มีกากใยไม่เพียงพอ เลือกกินอาหาร ดื่มน้ำน้อย หรืออาจเกิดได้จากความผิดปกติทางจิตใจจากการฝึกขับถ่ายให้กับเด็กที่ไม่ถูกต้อง เช่น ฝึกให้เด็กนั่งกระโถนเร็วเกินไป โดยที่ยังไม่พร้อม ส่งผลให้เด็กอาจกลัวการนั่งกระโถน และพยายามกลั้นอุจจาระ
หรืออีกกรณีคืออั้นเสมอ ที่พบมากคือการที่เด็กห่วงเล่นทำให้ไม่มีเวลากับการนั่งถ่ายที่เพียงพอ หรือไม่กล้าไปถ่ายเช่นเวลาที่ไปโรงเรียน หรือภาวะที่ลำไส้ทำงานผิดปกติก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะท้องผูกได้เช่นกัน
ผลกระทบเมื่อลูกน้อยมีภาวะท้องผูก
เมื่อมีภาวะท้องผูกจะส่งผลกระทบต่อทั้งทางร่ายกายและจิตใจได้ อาการเหมือนกับภาวะท้องผูกในผู้ใหญ่ เช่นทำให้ลูกน้อยรู้สึกอึดอัด ไม่สดชื่น ส่งผลให้เกิดความเครียดสะสม ส่วนทางร่างกายจะส่งผลให้ปวดท้อง แน่นท้อง และในระยะยาวที่ก่อให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร หรือโรคลำไส้อุดตันได้
แล้วจะทำอย่างไรให้ลูกน้อยถ่ายได้ง่ายขึ้น
- ปรับพฤติกรรมการทานอาหารของลูกน้อย ด้วยการให้เด็กได้กินอาหารตามวัย โดยมีอัตราส่วนเป็น ข้าว:เนื้อสัตว์:ผักผลไม้ เท่ากับ 2:1:1: เพื่อให้การทำงานของลำไส้เป็นไปตามธรรมชาติ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ และไม่ช่วยในเรื่องการขับถ่าย อย่าง ขนม ของหวาน หรือของทอด
- การกินผักผลไม้ที่มีกากใยอาหารสูง เช่น มะละกอ ส้ม หรือบล็อคโคลี่ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี ปัญหานี้มันทำได้ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะในเด็กที่รู้ความและเริ่มเลือกกิน ดังนั้นต้องค่อยๆเริ่มฝึกตั้งแต่เด็กเรื่องการทานผักและผลไม้ เสริมไปการสอนในโรงเรียนของคุณครู
- หากเป็นเด็กที่ยังต้องดื่มนมอยู่ ควรให้ลูกดื่มวันละไม่เกิน 1 ลิตร
- การทานโยเกริ์ตที่เป็นรสธรรมชาติจะช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น
- ควรฝึกให้ลูกของคุณได้ขับถ่ายอย่างเป็นเวลา และอยู่ในท่านั่งที่ถูกต้อง ไม่เบ่ง หรือเกร็งจนทำให้ลำไส้ทำงานผิดปกติ
- เวลาไปโรงเรียนให้สอนลูกเรื่องการถ่ายหนัก สอนให้เค้าช่วยตัวเองได้ ล้างก้นเป็น นั่งส้วมได้ และกล้าที่จะบอกกับคุณครูเพื่อไปถ่ายหนัก
- เสริมการออกกำลังกายตามพัฒนาการ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้ดี และสามารถบีบอุจจาระออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- กรณีที่ท้องผูกมาก การใช้ยาจะสามารถใช้ได้ แต่ยาที่จะใช้ในเด็กนั้นมีตัวเลือกไม่มากนักที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย ได้แก่ ยาเหน็บกลีเซอรีน หรือ ยากลุ่ม lactulose ซึ่งควรอยู่ในการแนะนำของแพทย์
เมื่อทราบถึงวิธีการในการดูแลลูกน้อยให้ไม่เกิดอาการท้องผูกแล้ว คุณพ่อ คุณแม่ควรหมั่นสังเกตสุขภาพ และพัฒนาการของลูกเป็นประจำ เมื่อเห็นว่าเกิดความผิดปกติควรรีบแก้ไข และดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกน้อยของคุณมีสุขภาพที่ดีได้ในทุกวัน